คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทกจำเลยทำสัญญาซื้อขายกัน จำเลยผิดสัญญาแม้โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

ย่อยาว

คดีได้ความว่า เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๙๓ จำเลยที่๑ ทำสัญญาขายเสาเข็มให้โจทก์ ๒,๐๐๐ ต้น ราคาต้นละ ๑๖.๕๐ บาท รับเงินล่วงหน้าไป ๔,๙๕๐ บาทจำเลยที่ ๑ ส่งเสาได้ ๖๒๔ ต้น นอกนั้นไมได้ส่งตามกำหนด โจทก์ต้องซื้อเสาเข็มจากที่อื่นแทนเป็นจำนวน ๑๓๐๐ ต้น ราคาต้นละ ๒๕.๐๐ บาทบ้าง ๒๖.๐๐ บาทบ้าง ต้องเสียแพ่งไป ๗,๘๐๐ บาทเศษ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ต่อมาจำเลยทั้ง ๒ ได้ไปทำสัญญาใหม่ยอมรับว่าได้ผิดสัญญาจริง ขอส่งให้ ๕๕๑ ต้นแทนค่าเสียหาย แต่จำเลยไม่ได้ส่งเสาให้โจทก์ได้ตามสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวฎีกาทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาที่ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว โจทก์จำเลยก็ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมดังก่อนทำสัญญานั้น ป.พ.พ.มาตรา ๓๙๑ วรรคท้ายบัญญัติไว้ชัดเจนว่าไม่กระทบกระทั่งถือสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ฎีกาจำเลยที่ ๑ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนข้อเท็จจริงอื่นที่จำเลยฎีกามา ศาลฎีกาเห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน

Share