แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จ. ลูกจ้างของจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานกระทำโดยประมาทให้บุตรโจทก์ตาย แต่การวินิจฉัยความรับผิดในทางแพ่งของนายจ้างซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยตามหลักฐานทั้งหมดทั้งปวงเท่าที่ทั้งสองฝ่ายนำเข้าสืบ บุตรโจทก์ขี่รถจักรยานออกจากท้ายรถโดยสารที่จอดอยู่ล้ำเข้าไปในทางของรถจำเลยที่สวนมา เป็นการประมาทมากกว่า ศาลวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223 ให้ค่าเสียหายเป็นพับแก่โจทก์
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายฐานละเมิด 93,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจกท์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงเชื่อได้ตามข้อนำสืบจำเลยว่า บุตรโจทก์ขับขี่รถจักรยานสองล้อออกจากท้ายรถโดยสารสองแถวล้ำเข้าไปในทางตัดหน้ารถนายเจือที่กำลังขับสวนผ่านรถโดยสารสองแถวขณะจอด โดยกระชั้นชิด กะทันหันของบุตรโจทก์เอง ก็มีส่วนประมาทที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หากเทียบกันแล้ว เห็นว่ามีส่วนประมาทมากหรือยิ่งกว่าฝ่ายลูกจ้างของจำเลยเสียอีก ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลไม่ควรรับฟังคำเบิกความของนายเจือเป็นหลักในการวินิจฉัยว่านายเจือไม่ประมาทนั้น เห็นว่าแม้นายเจือจะถูกศาลทหารกรุงเทพ(ศาลอาญา) พิพากษาลงโทษว่ากระทำผิดโดยประมาทดังโจทก์อ้างก็ตาม แต่การวินิจฉัยเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่งของบุคคลภายนอกซึ่งได้แก่จำเลยคดีนี้ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยตามหลักฐานทั้งหมดทั้งปวงเท่าที่ต้องฝ่ายนำเข้าสืบ มิได้ฟังแต่ลำพังคำของนายเจือพยานจำเลยมาเป็นหลักการวินิจฉัยดังโจทก์อ้าง ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาพฤติการณ์แห่งการกระทำละเมิดของทั้งสองฝ่ายขึ้นวินิจฉัยว่าบุตรโจทก์ประมาทมากกว่าและให้ค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ขอมาเป็นพับแก่โจทก์ อันเป็นการวินิจฉัยถึงความรับผิดในการกระทำละเมิดของทั้งสองฝ่ายว่าความเสียหายใดเกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223 แล้วพิพากษากลับนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน