คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 นำรถออกไปขนขยะอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หน้าที่ของจำเลยที่ 1 เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ 2 และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิมเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้างจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ทำหน้าที่ขับรถยนต์จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ขนขยะของจำเลยที่ ๒ ไปตามถนนสายมหาสารคาม – ร้อยเอ็ดตามทางการที่จ้าง จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของนายสวาทแล้วแล่นออกนอกถนนด้านขวามือไปชนรถจักรยานยนต์ของนายวิชิตสามีโจทก์ที่ ๑ นายวิชิตได้รับบาดเจ็บถึงแก่กรรม โจทก์ที่ ๑ ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถนายวิชิตได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาขวา การกระทำของจำเลยที่ ๑ ทำให้โจทก์ที่ ๑เสียหายคิดเป็นเงิน ๓๖,๕๐๐ บาท โจทก์ทั้งสามขาดค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงิน ๑๖๓,๕๐๐ บาท รวมเป็นค่าเสียหาย ๒๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ด้วย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ เพราะทำการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่ง จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม.ค.๐๒๘๒๑ ของจำเลยที่ ๒ ออกจากอู่รถยนต์เพื่อไปทำการขนและเทขยะตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ เวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกา จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายวิชิตบาดเจ็บและถึงแก่กรรม โจทก์ที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาขวา เหตุเกิดในเส้นทางที่จำเลยที่ ๑ จะต้องขับรถไปและกลับจากเทขยะตามปกติ
จำเลยที่ ๒ นำสืบว่า จำเลยที่ ๒ ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ขนขยะมูลฝอยว่า ให้พนักงานขับรถนำรถออกปฏิบัติงาน ๒ ระยะ ระยะแรกภาคเช้าตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐ น. – ๐๙.๐๐ น. แล้วนำรถกลับไปจอดไว้ที่อู่รถของจำเลยที่ ๒ ระยะที่ ๒ ภาคบ่าย ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. – ๑๖.๓๐ น. วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ นำรถยนต์ขนขยะมูลฝอยภาคเช้ามีนายชาลีและนายชื่นเป็นคนงานประจำรถจำเลยที่ ๑ ขนขยะไปเทเที่ยวแรกเมื่อ ๖ นาฬิกาเศษ และเที่ยวที่สองเมื่อ ๘.๓๐ น. จำเลยที่ ๑ ให้นายชาลีและนายชื่นกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านโดยบอกว่าจะเอารถไปธุระส่วนตัว จำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดนอกเวลาปฏิบัติงาน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยที่ ๒ นำสืบการที่จำเลยที่ ๑ นำรถออกไปขนขยะเป็นการกระทำไปในทางการที่จ้าง หน้าที่ของจำเลยที่ ๑ เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ ๒ และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิม เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ ๒ จ้าง จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ด้วย ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถตามเอกสารหมาย ล.๑ เป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยทั้งสองไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share