คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2325/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 แม้การขายฝากไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แต่เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันว่าถ้าฝ่ายโจทก์ผู้ขายไม่ไถ่คืนภายในกำหนด 2 ปี ให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลยที่ 1 เห็นได้ว่าฝ่ายโจทก์ได้สละสิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ไว้ล่วงหน้าโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันพ้นกำหนด 2 ปีแล้ว และจำเลยที่ 1 ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่วันพ้นกำหนด 2 ปีเช่นกัน เมื่อที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 จึงได้สิทธิครอบครองนับแต่วันพ้นกำหนดนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดินนา 1 แปลง โจทก์ครอบครองตลอดมาเดือนมกราคม 2517 จำเลยที่ 1 นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดแล้วประกาศว่าเป็นของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ได้นำที่ดินของโจทก์ไปจำนำหรือขายให้จำเลยที่ 1 โดยมิชอบ ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และขับไล่

จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า10 ปี โจทก์ให้จำเลยที่ 2 นำที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ทำและรับเงินไป 4,000 บาทมีข้อสัญญาว่าถ้าไม่คืนภายในกำหนด 2 ปี ให้ที่พิพาทตกได้แก่จำเลยที่ 1 ครบกำหนดแล้วไม่ไถ่คืน จำเลยที่ 1 ครอบครองด้วยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมาเดือนมกราคม 2517 โจทก์คัดค้านการรังวัดที่พิพาทเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ห้ามโจทก์กับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เอาที่พิพาทประกันเงินกู้และให้จำเลยที่ 1ทำกินต่างดอกเบี้ย ไม่ได้ขายให้ ขอให้ยกฟ้อง

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่รู้เห็นในการที่จำเลยที่ 2 นำที่พิพาทมอบให้จำเลยที่ 1 แล้วรับเงิน 4,000 บาท โดยสัญญาว่าจะไถ่คืนภายใน 2 ปีจำเลยที่ 1 ครอบครองที่พิพาทในฐานะทำกินต่างดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามฟ้องแย้งห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 2 ขายฝากที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด 2 ปี แม้การขายฝากที่พิพาทไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อันเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 แต่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันว่าถ้าฝ่ายโจทก์ผู้ขายไม่ไถ่คืนภายในกำหนด 2 ปี ให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลยที่ 1เห็นได้ว่าฝ่ายโจทก์ได้สละสิทธิครอบครองซึ่งมีอยู่ในที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ไว้ล่วงหน้าโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันพ้นกำหนด 2 ปี และเห็นเจตนาของจำเลยที่ 1 ว่าเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนโดยเจตนาเป็นเจ้าของเช่นกัน เมื่อที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 จึงได้สิทธิครอบครองนับแต่วันพ้นกำหนดนั้น

พิพากษายืน

Share