แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยขับรถมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงทางร่วมทางแยกและมีป้ายบอกทางแยกไว้อย่างชัดแจ้ง แต่จำเลยไม่ชะลอความเร็วของรถลงตามกฎหมายบัญญัติไว้ทั้งขับรถหลบไปทางด้านขวาของทางไปชนรถเก๋งซึ่งแล่นออกมาจากทางแยกและกำลังอยู่ในช่องทางของรถเก๋ง เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง แม้ผู้ตายจะเป็นฝ่ายประมาทอยู่ด้วย ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ แต่ก็เป็นเหตุอันสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ย.ล.01752 บรรทุกขวดบรรจุสุราแล่นไปตามถนนสาย 103 จากอำเภองาว จังหวัดลำปาง มุ่งหน้าไปทางจังหวัดแพร่ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ขณะที่จำเลยขับรถถึงกิโลเมตรที่ 17.950 ซึ่งใกล้จะถึงทางแยกเข้าอำเภอสอง จังหวัดแพร่ จำเลยไม่ชะลอความเร็วของรถลงเพื่อดูให้เป็นที่ปลอดภัยเสียก่อน เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ล.ป.04104 ซึ่งนายสุทัศน์ ท่างามขับมาจากอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ซึ่งเลี้ยวออกจากทางแยกดังกล่าวมุ่งหน้าไปทางอำเภองาว จังหวัดลำปาง ทำให้นายมาโนชย์ นายสุทัศน์ นายจันดีซึ่งนั่งมาในรถบรรทุก และนายสุทัศน์ ท่างาม ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 13, 66 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 59 ข้อ 11
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 4 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายสุทัศน์ ท่างามผู้ตายขับรถเก๋งออกจากถนนอำเภอสอง เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางอำเภองาว จังหวัดลำปาง ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง โดยไม่จอดรถดูความปลอดภัยเสียก่อน ทั้งที่มีป้ายบอกไว้ที่หน้าปากทาง และวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าจำเลยขับรถโดยประมาทชนรถเก๋งที่นายสุทัศน์ผู้ตายขับออกมาด้วยหรือไม่ว่า การที่จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วเมื่อมาถึงทางร่วมทางแยกและมีป้ายบอกทางแยกไว้อย่างชัดแจ้ง แต่จำเลยไม่ชะลอความเร็วของรถลงตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ทั้งขับรถหลบไปทางด้านขวาของทางไปชนรถเก๋งซึ่งแล่นออกมาจากทางแยกและกำลังอยู่ในช่องทางของรถเก๋ง เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าจำเลยขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง แม้นายสุทัศน์ผู้ตายจะเป็นฝ่ายประมาทด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ อย่างไรก็ดีเมื่อคำนึงถึงว่านายสุทัศน์ผู้ตาย ผู้ขับรถเก๋งเป็นฝ่ายประมาทมาก ไม่หยุดรถดูความปลอดภัยให้รถที่แล่นมาในทางเอกผ่านไปก่อน กลับขับรถผ่านไปโดยไม่ระมัดระวังทั้งที่ขับรถมาในทางโทจึงเห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา
พิพากษาแก้เฉพาะกำหนดโทษเป็นว่า ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์