คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 319 เป็นที่ดินแปลงใหญ่ ต่อมามีการแบ่งแยกออกไปรวม 8 แปลง โดยที่ดินของโจทก์ทั้งสามแปลงต่างแบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ด้วย ส่วนที่เหลือจากการแบ่งแยกมีโจทก์ที่ 2 และนาย ล. กับพวกอีก 6 คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และโฉนดที่ดินของนาย ล. ที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 แปลงใหญ่ เป็นที่ดินที่มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เช่นเดียวกับที่ดินโจทก์ทั้งสาม เมื่อนาย ล. ผ่านที่ดินจำเลยซึ่งล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะคลองคอกกระบือและถนนเอกชัยได้ โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ย่อมมีสิทธิผ่านที่ดินจำเลยซึ่งเป็นทางจำเป็นได้เช่นเดียวกับนาย ล. จำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นทางจำเป็นได้อีกต่อไป และถือว่าโจทก์ทั้งสามมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิให้จำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินแปลงอื่นได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งสามทำถนนตั้งแต่ริมคลองคอกกระบือถึงที่ดินของโจทก์ทั้งสามยาว 20 วา และกว้าง 5 เมตร บนที่ดินโฉนดเลขที่ 31253 ตำบลบางน้ำจืด ( โพแจ้ ) อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ของจำเลยในส่วนที่ตกเป็นภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ตำบลโพแจ้ อำภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อออกสู่คลองคอกกระบือและถนนเอกชัย โดยโจทก์ยอมจ่ายค่าทดแทนให้แก่จำเลยเป็นเงิน 10,000 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้โจทก์ทั้งสามมีสิทธิผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 31253 ตำบลบางน้ำจืด ( โพแจ้ ) อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ของจำเลยออกสู่คลองคอกกระบือ และถนนเอกชัย โดยทำเป็นถนนกว้างไม่เกิน 1 เมตร บนแนวคูน้ำภาระจำยอมในที่ดินของจำเลยตั้งแต่คลองคอกกระบือถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ตำบลโพแจ้ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นระยะทางยาวประมาณ 20 วา แต่ทั้งนี้การทำถนนของโจทก์ทั้งสามดังกล่าวจะต้องไม่ให้เสื่อมประโยชน์แก่ภาระจำยอมของที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ในการชักน้ำเข้านาและสวน และให้โจทก์ทั้งสามใช้ค่าทดแทนคนละ 20,000 บาท แก่จำเลย คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 319 เป็นที่ดินแปลงใหญ่ ต่อมีการแบ่งแยกไปรวม 8 แปลง โดยที่ดินโจทก์ทั้งสามต่างแบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ส่วนที่เหลือจากการแบ่งแยกมีโจทก์ที่ 2 และนายละออง กับพวกอีก 6 คน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และโฉนดที่ดินของนางละอองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 แปลงใหญ่ และมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้เช่นเดียวกับที่ดินโจทก์ทั้งสาม เมื่อนายละอองผ่านที่ดินจำเลยซึ่งล้อมอยู่ออกไปสู่ทางสาธารณะคลองคอกกระบือและถนนเอกชัยที่ดินของโจทก์ทั้งสามแบ่งแยกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 319 ซึ่งเป็นแปลงใหญ่ และที่ดินโฉนดเลขที่ 319 นั้น ปรากฏว่าที่ดินที่แบ่งทุกแปลงมีทางออกผ่านที่ดินของจำเลยออกสู่ทางสาธารณะเป็นทางจำเป็นอยู่แล้ว ดังนั้นโจทก์ทั้งสามย่อมมีสิทธิผ่านที่ดินจำเลยซึ่งเป็นทางจำเป็นได้เช่นเดียวกับนายละออง เพราะจำเลยไม่มีสิทธิปิดกั้นทางจำเป็นได้อีกต่อไป ถือได้ว่า ที่ดินโจทก์ทั้งสามมีทางออกถึงทางสาธารณะได้ โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทในที่ดินจำเลยเป็นทางจำเป็นได้อีก
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสาม ให้โจทก์ทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท.

Share