คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ โดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง แล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลย เพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบ ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดี ถือว่าเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถวพิพาทโดยได้รับมรดกจากคุณหญิงเนื่อง บุรีนวราษฐ์ จำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทจากคุณหญิงเนื่อง โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทจากคุณหญิงเนื่อง ไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวรายนี้จากคุณหญิงเนื่อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ตึกชำรุดทรุดโทรมมาก คุณหญิงเนื่องให้จำเลยออกเงินค่าซ่อมแซมเพื่อจะต่ออายุสัญญาเช่าให้ โจทก์ได้รับสิทธิและหน้าที่ผู้ให้เช่าจากคุณหญิงเนื่อง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องต่ออายุสัญญาเช่าให้จำเลย จำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ต่อายุสัญญาเช่าตึกให้แก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สถานที่เช่าของโจทก์ไม่ชำรุดทรุดโทรม หากจำเลยซ่อมจริงก็ทำไปโดยพลการ เป็นการผิดสัญญาเช่า ฟ้องแย้งจำเลยเคลือบคลุม การตกลงให้เช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จะฟ้องร้องให้บังคับให้โจทก์ต่อายุสัญญาเช่าไม่ได้ ต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร กับให้จำเลยให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จนกว่าจะออกไปจากห้องพิพาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณานั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ โดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลย โดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง แล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลย เพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบ ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดี ทางพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
ในปัญาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ ปรากฏว่า นอกจากศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมแล้ว ยังได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่า ตามฟ้องแย้งของจำเลยฟังไม่ได้ว่าคุณหญิงเนื่องได้ตกลงกับจำเลยให้จำเลยซ่อมแซมห้องพิพาทเพื่อให้จำเลยต่ออายุสัญญาเช่า และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงดังกล่าว ทั้งไม่ได้กล่าวอ้างในฎีกาด้วย ข้อเท็จจริงจึงยุติว่า คุณหญิงเนื่องไม่ได้ตกลงกับจำเลยให้ซ่อมแซมห้องพิพาทเพื่อให้จำเลยต่ออายุสัญญาเช่า ดังนั้น ถึงแม้ฟ้องแย้งจำเลยจะไม่เคลือบคลุม ศาลฎีกาก็ต้องยกฟ้องแย้งของจำเลย และไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share