แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมกันมากับความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษต่อศาลจังหวัดซึ่งมีอำนาจชำระในฐานความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ โดยอ้างว่าเป็นความผิดเกี่ยวพันกัน แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นความผิดที่แยกเป็นคนละกรรมต่างกัน กฎหมายมิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในคดีความผิดที่เกี่ยวพันกันนั้น ให้ถือเอาคดีที่มีโทษสูงเป็นหลักที่จะพิจารณาว่า ต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับหรือไม่ ความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ เมื่อในชั้นสอบสวนมิได้มีการขอผัดฟ้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯและฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ศาลชั้นต้นสั่งให้ประทับฟ้องแต่เฉพาะข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษนั้น เป็นความผิดอยู่ในอำนาจของศาลแขวง โจทก์ไม่ได้ขอผัดฟ้องไว้จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ประทับฟ้องในข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ข้อหาความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ในบังคับของ มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 กล่าวคือจะต้องนำวิธีพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ ความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษกับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดที่แยกเป็นคนละกรรมต่างกัน ความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษจึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ โดยในชั้นสอบสวนนั้นถ้าไม่อาจสอบสวนและส่งฟ้องได้ภายใน 72 ชั่วโมง ก็ต้องยื่นคำร้องขอผัดฟ้องต่อศาลเป็นคราวๆ ไปโดยกฎหมายมิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้เลยว่า ในคดีความผิดที่เกี่ยวพันกันนั้นให้ถือเอาคดีที่มีโทษสูงเป็นหลักที่จะพิจารณาว่าต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับหรือไม่ เมื่อข้อหาฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษเป็นความผิดที่จะต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ แต่ในชั้นสอบสวนมิได้มีการขอผัดฟ้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นไม่ประทับฟ้องในข้อหาความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.