คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองมิได้เพราะบ้านของจำเลยทั้งสองตามภูมิลำเนาที่โจทก์ฟ้องได้ถูกรื้อถอนไปแล้วโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า”อนุญาต”ซึ่งเท่ากับอนุญาตให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์เท่านั้นแต่ศาลชั้นต้นกลับประกาศหนังสือพิมพ์นัดสืบพยานโจทก์ด้วยโดยไม่ปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้แจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์ทราบจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วแม้จะปรากฎว่าทนายโจทก์ได้ส่งโทรสารแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่อาจไปศาลในวันนั้นได้แต่ตามโทรสารทนายโจทก์ก็เข้าใจว่าเป็นวันนัดพร้อมไม่พอฟังว่าทนายโจทก์ได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์เช่นกันดังนั้นที่ศาลชั้นต้นถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาและมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา200จึงเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวเสียแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการใช้สัญญาซื้อขายและขายฝากที่ดินตามโฉนดเลขที่ 1349 ตำบลเมืองอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย เฉพาะส่วนของโจทก์ กับขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินผู้มีอำนาจเรียกเอาโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนจากผู้ครอบครองและจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนกลางของโจทก์กับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม
วันที่ 2 กรกฎาคม 2536 ซึ่งเป็นวันสืบพยาน คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณา จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200
วันที่ 5 กรกฎาคม 2536 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ทนายโจทก์มีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ในเช้าตรู่ วันนัดระหว่างการเดินทาง รถยนต์ที่ทนายโจทก์ขับเพื่อไปขึ้นเครื่องบินมาศาลเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทนายโจทก์ไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน ทนายโจทก์จึงได้ส่งโทรสารแจ้งเหตุขัดข้องต่อศาลชั้นต้น แต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว โจทก์ไม่มีเจตนาหรือจงใจทิ้งฟ้องแต่เป็นเหตุสุดวิสัยและโจทก์ยังมีความประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขอพิจารณาใหม่ได้เฉพาะคดีที่ได้มีการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีตามมาตรา 200 เสร็จสิ้นไปแล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่ภายในอายุความตามมาตรา 200 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งขอพิจารณาใหม่ไม่ได้ ยกคำร้อง
วันที่ 9 กรกฎาคม 2536 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นได้แจ้งกำหนดวันยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบด้วยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์ โดยมิได้มีคำสั่งให้ทำการชี้สองสถานหรืองดการชี้สองสถานเสียก่อนกำหนดวันสืบพยาน อีกทั้งเมื่อไม่มีการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นก็ไม่มีคำสั่งงดการชี้สองสถาน และแจ้งวันนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบ โจทก์ไม่เคยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์การดำเนินกระบวนพิจารณาจึงขัดต่อกฎหมายขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า โจทก์ทราบวันนัดส้บพยานโจทก์หรือไม่ เห็นว่าเมื่อเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองมิได้ เพราะบ้านของจำเลยทั้งสองตามภูมิลำเนาที่โจทก์ฟ้องได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำแถลงลงวันที่ 30 เมษายน 2536 ขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า “อนุญาต” ซึ่งเท่ากับอนุญาตให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์เท่านั้น แต่ศาลชั้นต้นกลับประกาศหนังสือพิมพ์นัดสืบพยานโจทก์ด้วย โดยไม่ปรากฎว่าศาลชั้นต้นได้แจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้โจทก์ทราบ จึงยึดถือไม่ได้ว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วแม้จะปรากฎว่าทนายโจทก์ได้ส่งโทรสารแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่อาจไปศาลในวันนั้นได้ แต่ตามโทรสารทนายโจทก์ก็เข้าใจว่าวันนัดพร้อม ไม่พอฟังว่าทนายโจทก์ได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์เช่นกัน ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณา และมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 จึงเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าวเสีย แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง และกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามฎีกาของโจทก์อีกต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นกำหนดวันนัดสืบพยานและแจ้งให้คู่ความทราบแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share