แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ที่ดินของโจทก์และจำเลยเดิมรวมอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกันเมื่อมีการแบ่งแยกกันเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ด้านในไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินออกสู่ทางสาธารณะบนที่ดินของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทได้เท่าใดนั้น เมื่อโจทก์อ้างว่าทางพิพาทกว้าง 2 เมตร จำเลยปฏิเสธว่าไม่กว้างเท่าที่อ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์อ้าง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เปิดทางกว้าง 2 เมตรตามที่กำหนด จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้จากพยานหลักฐานของโจทก์ว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 13 เดิมซึ่งเป็นของอำแดงเป้านั้น มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่เกือบทุกด้าน กล่าวคือ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 9 (เอกสารหมาย จ.4) ทิศตะวันตกเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 14 (เอกสารหมายจ.5) และทิศใต้เป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 12 (เอกสารหมาย จ.7) ถัดที่ดินโฉนดเลขที่ 12 ลงไปทางทิศใต้เป็นแม่น้ำบางประกง คงมีแต่เพียงด้านทิศเหนือด้านเดียวซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 13 อยู่ติดกับทางสาธารณะตามสภาพเช่นนี้ เมื่อเดิมที่ดินของโจทก์และของจำเลยรวมอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 13 แปลงเดียวกัน เมื่อมีการแบ่งแยกหรือแบ่งโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 13 กันแล้วเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ทางด้านใน ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์มีสิทธิเรียกเอาทางเดินออกสู่ทางสาธารณะได้เฉพาะบนที่ดินที่ได้แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้เพราะมีที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดทางสาธารณะขวางกั้นอยู่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินออกสู่ทางสาธารณะบนที่ดินของจำเลยได้ ทั้งนี้ตามนัยมาตรา 1350 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์ออกสู่ทางสาธารณะโดยให้ผ่านเข้าไปในที่ดินแปลงอื่นซึ่งไม่ใช่ที่ดินที่ได้แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันหาได้ไม่ คดีนี้ข้อเท็จจริงรับกันว่าทางเดินในที่ดินโฉนดเลขที่ 13 ซึ่งเดิมใช้เดินออกสู่ทางสาธารณะทางทิศเหนือคือตามเส้นทางพิพาท คงมีข้อโต้เถียงกันเฉพาะความกว้างของทาง ตามฟ้องโจทก์ว่ากว้าง 2 เมตร แต่จำเลยให้การต่อสู้ว่ากว้างเพียงประมาณ 1 เมตรเท่านั้น ปัญหาจึงมีว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทได้เท่าใด ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์อ้างว่าทางพิพาทกว้าง 2 เมตร จำเลยปฏิเสธว่าไม่กว้างเท่าที่โจทก์อ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์อ้างแต่ปรากฏว่าตามทางนำสืบของโจทก์ คงมีตัวโจทก์คนเดียวเบิกความว่าพาไลกว้าง 2 เมตรเศษ ส่วนจำเลยนอกจากตัวจำเลยแล้วยังมีนางสาวนกเก็ตโหสกุล เบิกความสนับสนุนอีกว่า สะพานพาไลทางเดินกว้างประมาณ1 เมตร พยานจำเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่า จึงเชื่อว่าทางเดินพิพาทกว้างเพียง 1 เมตร ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยเปิดกว้างถึง 2 เมตร ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเปิดทางเดินที่เคยใช้เดินกว้าง 1 เมตร ยาวตลอดที่ดินโฉนดเลขที่ 4911 ตำบลบางปะกงล่าง อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ด้านตะวันตกให้โจทก์ใช้เดินออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4912 ของโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะทางทิศเหนือได้ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ”