คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ตนทางพิจารณาปรากฎว่าผู้ตายมิใช่เป็นเจ้า ของแต่ผู้เดียวในที่พิพาทรายนี้แต่เป็นผู้รับมรดกร่วมกับคนอื่นอีกดังนี้ ศาลตัดสินยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับมฤดกที่รายพิพาทจาก ม. จำเลยทั้ง ๓ อาศัยอยู่ไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่
ได้ความว่าที่ราพิพาทนี้อยู่ในเขตต์ที่มิสชั้นสามเสนตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยฐานะวัดบาดหลวงโรมันคาธอลิค ร.ศ.๑๒๘ โจทก์กับจำเลยที่ ๓ เป็นพี่น้องกัน ที่รายพิพาทเดิมเป็นของตายายโจทก์ ตายายโจทก์ตายมีบุตร์ ๔ คนรวมทั้งมารดาโจทก์จำเลยที่ ๓ ด้วย มารดาโจทก์และจำเลยที่ ๓ และพี่น้องอีก ๒ คนถึงแก่ความตายกว่า ๑๐ ปีแล้วคงเหลือแต่ ม.คนเดียวเมื่อราวปี ๒๔๗๖ ม.ได้ทำพินัยกรรม์ยกที่นี้ให้โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๓ อยู่ในที่รายนี้มาเหมือนกัน จำเลยที่ ๑ และ ๒ เป็นบุตร์เขยบุตรีจำเลยที่ ๓
ศาลขั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่พิพาทรายนี้ไม่เป็นสิทธิของ ม. แต่ผู้เดียว จึงไม่มีสิทธิทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์สินให้ใครทั้งหมดและศาลอุทธณ์เห็นว่านอกจากโจทก์จำเลยยังมีผู้รับมฤดกคนอื่นอีก ทั้งโจทก์ก็มิได้ดำเนินคดีทางขอแบ่งมฤดก จึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าโจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ในฐานผู้รับมฤดกตามพินัยกรรมของ ม. แต่หาได้สืบว่า ม.เป้นผู้ถือกรรมสิทธิในที่รายนี้แต่ผู้เดียวไม่ ตรงกันข้ามต้องถือว่าปรากฎว่ามีบุตร์หลานของตายายโจทก์จำเลยอีกหลายคนถือกรรมสิทธิในที่พิพาทนั้นร่วมด้วยอีก โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินรายพิพาทในฐานเป็นผู้รับมฤดกตามพินัยกรรม์ของ ม. จึงพิพากษายืนตาม

Share