คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของร่วมกันคนหนึ่งไปทำสัญญาจะขายแต่ไม่สามารถจะปฏิบัติตามสัญญาได้ ต้องใช้ค่าเสียหายทดแทนการกำหนดค่าเสียหายต้องถือเกณฑ์ที่คู่สัญญาจะต้องเสียหายอันเกิดจากความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ แลนางสั่งเป็นผู้มีสิทธิจะได้รับมฤดกที่ดินของบิดามารดาที่ตายไปแล้ว แต่ยังมิได้แก้ทะเบียนเป็นชื่อของตน ระวางนี้จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาจะขายที่นั้นให้แก่โจทก์เพื่อทำทางเดินรถ แต่ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ รู้เห็นด้วย ต่อมาจำเลยที่ ๑ สละสิทธิที่จะรับมฤดกให้แก่จำเลยที่ เสียดังนี้
ศาลเดิมเห็นว่า จำเลยที่ ๑ ตกลงจะขายที่รายพิภาษให้แก่โจทก์ในเวลาที่มีกรรมสิทธิจะได้รับมฤดก แลจำเลยที่ ก็ทราบ จึงตัดสินให้จำเลยทั้ง ๒ ขายที่ให้โจทก์ตามที่ตกลงกัน กับให้โจทก์คืนเงินที่ค้าง ๑๒ บาทแก่จำเลย ถ้าไม่ขายก็ให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๔๐๐ บาท แต่หักเงินที่จำเลยรับไปแล้ว ๔๐ บาทออกเสีย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าจำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นการจะซื้อขายรายนี้ จึงไม่ต้องรับผิดด้วยกับจำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๑ คืนเงินมัดจำ ๔๐ กับใช้ค่าเสียหาย ๔๐ บาทให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะมิได้รู้เห็นยินยอมในการจะขายที่พิภาษด้วยส่วนจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญานี้ โจทก์นำสืบได้ว่าจะต้องทำทางใหม่เสียค่าใช้จ่ายราว ๔๐๐ บาท นับว่าเป็นค่าเสียหายอันเนื่องมาจากความผิดของจำเลยที่ ๑ จึงตัดสินแก้ศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ว่า ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหาย ๔๐๐ บาทกับคืนเงินมัดจำ ๔๐ บาทให้โจทก์ แลให้จำเลยที่ ๑ เสียค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์ ๕๐ บาทให้โจทก์เสียค่าทนายชั้นฎีกาแทนจำเลยที่ ๒ อีก ๕๐ บาท

Share