คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้วิธีการสอบปากคำผู้เสียหายคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะกระทำแตกต่างกับการสอบปากคำในคดีอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เพราะผู้เสียหายคดีนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายต่างให้การถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นทำนองเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงทำแบบพิมพ์ในส่วนที่เหมือนกันไว้เว้นช่องว่างในส่วนที่เกี่ยวกับชื่อของผู้เสียหาย จำนวนเงิน และวันเวลา ซึ่งเป็นส่วนรายละเอียดของผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะไว้ เพื่อกรอกรายละเอียดในตอนสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคน เช่นนี้ ก็หามีผลทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมาให้ถ้อยคำหลายรายและพนักงานสอบสวนแจกแบบพิมพ์คำให้การดังกล่าวให้แต่ละคนไปอ่านดูก่อนแล้วเรียกเข้ามากรอกข้อความทีละคน พนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่าได้สอบถามผู้เสียหาย ผู้ให้ถ้อยคำว่า มีอะไรผิดบ้างถ้าไม่ผิดก็ให้ลงชื่อ ถ้าผิดพลาดก็ขีดฆ่าแก้ไขและลงลายมือชื่อกำกับ เช่นนี้ ก็ไม่ปรากฏว่าคำให้การของผู้เสียหายไม่ตรงกับปากคำที่ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวนหรือปากคำนั้นผู้เสียหายไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจ หรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่นอันจะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 30, 82 ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงิน 808,000 บาทแก่ผู้เสียหาย และขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6850/2529 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 343 วรรคแรก วางโทษจำคุก 3 ปี ให้จำเลยที่ 2 ร่วมคืนเงิน 808,000 บาท แก่ผู้เสียหายนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามฟ้องโจทก์จริง ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะร้อยตำรวจเอกสินมนู พุทธิกุล พนักงานสอบสวนเบิกความว่า เมื่อสอบปากคำผู้เสียหายประมาณ 10 ราย ปรากฏว่าต่างให้การถึงพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามในทำนองเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงทำแบบพิมพ์คำให้การเป็นอย่างเดียวกันขึ้นมาเตรียมไว้โดยเว้นชื่อผู้เสียหายที่จะมาแจ้งความเป็นพยานไว้ เว้นจำนวนเงินและวันเวลาไว้ เมื่อใครมาแจ้งความก็ทำการสอบสวนโดยนำแบบพิมพ์นั้นมากรอกชื่อ วัน เวลา และจำนวนเงินที่จ่ายและได้รับคืนแล้วถามรายละเอียดว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็ให้ลงชื่อไป หากไม่ถูกต้องในข้อความใดก็ขีดฆ่าทิ้งและลงชื่อกำกับ บางวันมีผู้มาให้ถ้อยคำหลายรายก็จะแจกแบบพิมพ์คำให้การดังกล่าวให้แต่ละคนอ่านดูก่อน แล้วเรียกเข้ามาทีละคน ถามว่ามีอะไรผิดบ้าง ถ้าไม่ผิดก็ให้ลงชื่อ ถ้าผิดพลาดก็ขีดฆ่าแก้ไขและลงชื่อกำกับ ซึ่งแตกต่างกับการสอบปากคำในคดีอื่นทั่ว ๆ ไป จึงเป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบนั้นเห็นว่า แม้วิธีการสอบปากคำผู้เสียหายคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะกระทำแตกต่างกับการสอบปากคำในคดีอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป เพราะผู้เสียหายคดีนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ผู้เสียหายต่างให้การถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นทำนองเดียวกัน พนักงานสอบสวนจึงทำแบบพิมพ์ในส่วนที่เหมือนกันไว้ เว้นช่องว่างในส่วนที่เกี่ยวกับชื่อของผู้เสียหาย จำนวนเงินและวันเวลา ซึ่งเป็นส่วนรายละเอียดของผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะไว้เพื่อกรอกรายละเอียดในตอนสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคน เช่นนี้ ก็หามีผลทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมาให้ถ้อยคำหลายรายและพนักงานสอบสวนแจกแบบพิมพ์คำให้การดังกล่าวให้แต่ละคนไปอ่านดูก่อนแล้วเรียกเข้ามากรอกข้อความทีละคน พนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่าได้สอบถามผู้เสียหายผู้ให้ถ้อยคำว่า มีอะไรผิดบ้าง ถ้าไม่ผิดก็ให้ลงชื่อ ถ้าผิดพลาดก็ขีดฆ่าแก้ไขและลงลายมือชื่อกำกับ เช่นนี้ก็ไม่ปรากฏว่าคำให้การของผู้เสียหายไม่ตรงกับปากคำที่ให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวน หรือปากคำนั้นผู้เสียหายไม่ได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือด้วยเหตุอันมิชอบอย่างอื่น จะถือว่าการสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยที่ 2 ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในสถานเบาและขอให้รอการลงโทษ นั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์วางโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี หนักเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรวางโทษให้เหมาะสมแก่รูปคดีเสียใหม่ และเห็นว่าจำเลยที่ 2 มีอายุมากแล้ว ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน เห็นเป็นการสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีต่อไป ให้รอการลงโทษจำเลยที่ 2 ตามขอแต่เพื่อให้จำเลยที่ 2 หลาบจำ เห็นควรวางโทษปรับด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า วางโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 4,000 บาทให้รอการลงโทษจำเลยที่ 2 ไว้มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 จัดการค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share