คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องและจำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทำสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นการโอนสิทธิในที่ดินโดยการส่งมอบการครอบครองให้แก่กันภายในกำหนดเวลาห้ามโอนนั้นแม้จะเรียกว่าสัญญาจะซื้อจะขายและระบุในสัญญาว่าจะมีการโอนทางทะเบียนเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วก็ตาม การทำสัญญาเช่นนี้เป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายสัญญาจึงเป็นโมฆะ จำเลยจึงยังคงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ส่วนบ้านและอาคารซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ร้องปลูกสร้างในที่ดินของจำเลยโดยผู้ร้องมิใช่ผู้มีสิทธิในที่ดินย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นของจำเลย โจทก์ย่อมสามารถนำยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวออกขายทอดตลาดได้

ย่อยาว

โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่า ทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องได้ซื้อที่ดินจากจำเลย และได้สร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าว ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่นำยึดไว้ จำเลยเป็นผู้มีชื่อในหลักฐานทางทะเบียน สัญญาซื้อขายระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นการทำภายหลังการยึดทรัพย์และสมคบกันเพื่อฉ้อฉลโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดไว้มีชื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครอง ผู้ร้องได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวจากจำเลย และจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่ผู้ร้องแล้ว แต่มิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้มีสิทธิครอบครองเนื่องจากขณะทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดินดังกล่าวยังอยู่ในกำหนดระยะเวลาห้ามโอนตามกฎหมาย และวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องและจำเลยซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวทำสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นการโอนสิทธิในที่ดินโดยการส่งมอบการครอบครองให้แก่กันภายในกำหนดเวลาห้ามโอนนั้น แม้จะเรียกว่าสัญญาจะซื้อจะขายและระบุในสัญญาว่าจะมีการโอนทางทะเบียนเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วก็ตามการทำสัญญาเช่านี้เป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยยังคงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ ส่วนบ้านและอาคารคอนกรีตนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ร้องปลูกสร้างในที่ดินจำเลยโดยผู้ร้องมิใช่ผู้มีสิทธิในที่ดิน สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจึงตกเป็นส่วนควบกับที่ดินและเป็นทรัพย์ของจำเลย ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
พิพากษายืน

Share