แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจมีวัตถุประสงค์ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครอันมีลักษณะเป็นสาธารณูปโภค และได้รับทุนในการดำเนินการจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์จึงมิได้เป็นพ่อค้าตามความในมาตรา 165(1)แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องถืออายุความสิบปีตามมาตรา 164.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ติดตั้งเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยที่บ้านเลขที่ 2/3 ตามที่จำเลยขอใช้ไฟฟ้าโดยได้รับอนุมัติจากโจทก์แล้ว โจทก์ได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้จำเลย และจำเลยได้ชำระค่าไฟฟ้าให้โจทก์ตลอดมา จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2526 ถึงเดือนเมษายน2527 จำเลยค้างชำระค่าไฟฟ้ารวมเป็นเงิน 61,862.41 บาท โจทก์ทวงถามหลายครั้งแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกิน 2 ปี จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 มีวัตถุประสงค์ในการจัดให้ได้มาและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค จำเลยเป็นผู้ยื่นคำขอใช้ไฟฟ้าต่อโจทก์สำหรับบ้านเลขที่ 2/3 หมู่ที่ 2 ซอยแสงเพชร แขวงบางแคเหนือ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โจทก์อนุมัติ และได้ติดตั้งเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าให้จำเลยในวันที่ 30 ธันวาคม 2520 หลังจากนั้นโจทก์ได้จ่ายกระแสไฟฟ้าให้จำเลยตลอดมา และจำเลยได้ชำระค่าไฟฟ้าให้โจทก์จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2526 ถึงเดือนเมษายน 2527 ผู้ใช้ไฟฟ้าในบ้านดังกล่าวไม่ชำระค่าไฟฟ้าให้โจทก์รวม 13 เดือน คิดเป็นเงิน61,862.41 บาท โดยข้อเท็จจริงฟังได้ต่อไปว่า จำเลยได้จดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์บ้านเลขที่ดังกล่าวให้แก่นายแผ้ว กลิ่นชูเดชไปตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2522 แต่จำเลยมิได้แจ้งบอกเลิกการใช้ไฟฟ้าต่อโจทก์ หรือแจ้งการโอนใช้ไฟฟ้าแก่ผู้อื่นต่อโจทก์เป็นลายลักษณ์อักษร คดีมีปัญหาตามฎีกาจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่…
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาเรื่องอายุความนั้น จำเลยอ้างว่าลักษณะกิจการของโจทก์ดำเนินไปในทางแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจอันเป็นลักษณะของพ่อค้าตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1) ซึ่งมีกำหนดอายุความสองปี และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเกินกำหนดสองปีแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์คดีนี้เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้านครหลวง พ.ศ. 2501 มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจมีวัตถุประสงค์ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครอันมีลักษณะเป็นสาธารณูปโภค และได้รับทุนในการดำเนินการจากงบประมาณแผ่นดิน โจทก์จึงมิได้เป็นพ่อค้าตามความในมาตรา 165(1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องถืออายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน