แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมโดยวางเป็นแคชเชียร์เช็คซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้ออกใบรับเงินให้แก่จำเลยและได้บันทึกไว้ในคำแถลงของจำเลยว่ารับลงบัญชีแล้ว จึงเท่ากับศาลชั้นต้นได้รับเงินตามแคชเชียร์เช็คโดยนำเข้าบัญชีของศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ใช่ศาลชั้นต้นรับแคชเชียร์เช็คไว้แทนโจทก์ เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมนั้นย่อมเป็นเงินที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 323 ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้มีสิทธิเรียกเอาเงินดังกล่าวจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาลอันเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาเงินนั้นได้ เมื่อโจทก์มิได้เรียกเอาเงินดังกล่าวภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน และโจทก์เป็นอันสิ้นสิทธิที่จะขอรับไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2541 โดยจำเลยที่ 2 ยินยอมชำระเงินจำนวน 31,916 บาท ให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทำยอม โดยให้จำเลยที่ 2 นำมาวางศาล หากจำเลยที่ 2 ผิดนัดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีในจำนวนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันผิดนัด ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2542 จำเลยที่ 2 ยื่นคำแถลงขอวางเงินจำนวน 31,916 บาท ต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2547 ขอรับเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมค่าธรรมเนียมที่ศาลสั่งคืนอีก 700 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้เรียกเอาเงินค้างจ่ายในสำนวนภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน ให้ยกคำแถลงของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิรับเงินจำนวน 31,916 บาท ที่จำเลยที่ 2 นำมาวางต่อศาลหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยที่ 2 นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2542 โดยวางเป็นแคชเชียร์เช็คของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 3 มีนาคม 2542 ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้ออกใบรับเงินให้แก่จำเลยที่ 2 ในวันเดียวกัน และได้บันทึกไว้ในคำแถลงของจำเลยที่ 2 ว่ารับลงบัญชีแล้วพร้อมกับลงลายมือชื่อของหัวหน้าฝ่ายการเงินบัญชีและพัสดุแทนจ่าศาลแพ่ง จึงเท่ากับศาลชั้นต้นได้รับเงินตามแคชเชียร์เช็คที่จำเลยที่ 2 นำมาวางเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมโดยนำเข้าบัญชีของศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ใช่ศาลชั้นต้นรับแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไว้แทนโจทก์ เงินจำนวน 31,916 บาท ที่จำเลยที่ 2 นำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมนั้นย่อมเป็นเงินที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้มีสิทธิเรียกเอาเงินดังกล่าวจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาลอันเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาเงินนั้นได้ เมื่อโจทก์มิได้เรียกเอาเงินดังกล่าวภายใน 5 ปี เงินจำนวนนี้จึงตกเป็นของแผ่นดิน และโจทก์เป็นอันสิ้นสิทธิที่จะขอรับไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ