คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2870/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คทั้งสามฉบับเป็นเช็คของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คดังกล่าว แม้ว่าจำเลยที่ 2 จะขีดฆ่าตัดทอนจำนวนเงินที่สั่งจ่ายในเช็คเดิมทั้งตัวเลขและตัวอักษรแล้วพิมพ์เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรขึ้นใหม่อันเป็นเท็จ จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ปลอมเช็คของคนอื่นหรือตั้งใจให้เป็นเช็คของคนอื่น เป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติมเช็คของจำเลยที่ 2 เองและการที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อกำกับในเช็คดังกล่าว จึงมิได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร จึงเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 นั้นไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารด้วย
เมื่อเช็คทั้งสามฉบับไม่ใช่เอกสารปลอม การที่จำเลยที่ 1 นำไปเบิกเงินจากธนาคารจึงไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันหลอกลวงนายนาคินทร์และผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาพัทลุง ด้วยการพิมพ์ตัวเลขจำนวนเงิน 210,000บาท 200,000 บาท และ 96,000 บาท อันเป็นความเท็จลงในช่องเจ้าหนี้ของการ์ดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาพัทลุง ของจำเลยที่ 2อันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงจำเลยที่ 2 มิได้นำเงินเข้าฝาก แล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาพัทลุง รวม 3 ฉบับของจำเลยที่ 2โดยร่วมกันขีดฆ่าจำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คนั้นทั้งที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขและได้พิมพ์เติมจำนวนเงินทั้งเป็นตัวอักษรและตัวเลขลงในเช็คแทน และได้พิมพ์ขีดฆ่าวันสั่งจ่าย แล้วจำเลยได้ปลอมลายมือชื่อของผู้สั่งจ่ายเช็คเซ็นกำกับลงในเช็คเพื่อให้สมุห์บัญชีของธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาพัทลุง หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันนำเช็คทั้ง 3 ฉบับ ไปใช้แสดงเพื่อเบิกเงินตามเช็คและจำเลยได้รับเงินไปแล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 264, 265, 266, 268, 341 และให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83 ลงโทษจำคุกและให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย ข้อหานอกจากนี้ให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คทั้ง 3 ฉบับนั้นเป็นเช็คของจำเลยที่ 2 แม้ว่าจำเลยที่ 2 จะได้ขีดฆ่าตัดทอนจำนวนเงินที่สั่งจ่ายในเช็คเดิมทั้งตัวเลขและตัวอักษรแล้วพิมพ์เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษรขึ้นใหม่อันเป็นเท็จ จำเลยที่ 2ก็ไม่ได้ปลอมเช็คของคนอื่นหรือตั้งใจให้เป็นเช็คของคนอื่น เป็นเรื่องจำเลยที่ 2แก้ไขเพิ่มเติมเช็คของจำเลยที่ 2 เอง ส่วนที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยอันหมายถึงจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำการปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายนั้น เมื่อปรากฏว่าเช็คทั้งสามฉบับเป็นเช็คของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คดังกล่าว การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อกำกับในเช็คดังกล่าวจึงมิได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ใดเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวมาไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร(เช็ค) ตามฟ้อง จึงเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2นั้นไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสาร (เช็ค) ด้วย และเมื่อเช็คทั้งสามฉบับไม่ใช่เอกสารปลอม การที่จำเลยที่ 1 นำไปเบิกเงินจากธนาคารจึงไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหาดังกล่าวไม่ได้

พิพากษายืน

Share