แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งทำรายงานว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ อธิบดีกรมโจทก์ลงชื่อรับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว แม้จะสั่งสอบสวนเพิ่มเติมก็เพื่อจะทราบว่าผู้รับเหมาซึ่งขุดลอกคลองจะต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่อธิบดีมีคำสั่ง โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารสถานที่และทรัพย์สินรวมทั้งรั้วคอนกรีตบล็อกที่ล้อมรอบบริเวณวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และโรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จำเลยทั้งสามรับราชการในสังกัดกรมโจทก์ โดยเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายบุญเลิศศรีหงส์ อธิการวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อต้นปีพ.ศ. 2527 โจทก์ได้ขอดินจากกรุงเทพมหานครที่ได้จากการขุดลอกคลองเพื่อนำไปถมปรับปรุงพื้นที่ภายในบริเวณวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและโรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาโดยนายบุญเลิศมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแลและกำหนดบริเวณที่ให้นำดินลง โดยมีจำเลยที่ 3 ซึ่งมีความรู้ทางช่าง ร่วมกระทำการดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมดูแลในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบงานดูแลรักษาอาคารสถานที่และร่วมกระทำการกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ด้วย จำเลยทั้งสามจึงมีหน้าที่ต้องระมัดระวังใช้ความรอบคอบในการกำหนดบริเวณที่จะให้นำดินลงแต่จำเลยทั้งสามหาได้ใช้ความระมัดระวังไม่ จำเลยทั้งสามให้เรือขุดตักดินจากลำคลองบางไส้ไก่ยกข้ามรั้วเข้าไปเทชิดแนวรั้วด้านในแม้จะมีผู้เตือนว่าจะทำให้รั้วพังลงได้ จำเลยทั้งสามก็ยังกระทำเช่นนั้น ต่อมาแนวรั้วคอนกรีตบล็อกด้านข้างทางทิศตะวันตกของโรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาบางส่วนซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ได้พังล้มลงไปในคลองบางไส้ไก่เป็นระยะทาง81 เมตร ซึ่งเกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสาม จำเป็นต้องสร้างรั้วขึ้นใหม่เสียค่าใช้จ่ายไป 136,500 บาท จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน159,534 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 136,500 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การ คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยได้ส่งเอกสารแนบมาท้ายคำร้อง ศาลหมาย ล.1 ถึงล.12 ว่า อธิบดีกรมการฝึกหัดครูผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยทั้งสามเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528 โจทก์ต้องฟ้องจำเลยทั้งสามภายในอายุความ 1 ปี คือต้องฟ้องภายในวันที่ 3 เมษายน 2529 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2529 คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 โจทก์แถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาว่าเอกสารที่จำเลยอ้างคือเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.12นั้นถูกต้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วโดยไม่ต้องสืบพยานอื่น จึงให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามเอกสารหมาย ล.8นายเดโช สวนานนท์ อธิบดีกรมการฝึกหัดครูได้ลงนามรับทราบรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528 และได้ทำความเห็นแย้งให้คณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง คณะกรรมการได้รายงานผลการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบให้โจทก์ทราบเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2528 และอธิบดีกรมการฝึกหัดครูลงนามรับทราบผลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2528 ดังนั้นอายุความฟ้องร้อง 1 ปี จึงต้องนับตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2528 และครบอายุความ 1 ปี ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2529 การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2529 คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 บัญญัติไว้ว่า”สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ” พิเคราะห์แล้ว ตามภาพถ่ายบันทึกข้อความเอกสารหมาย ล.8 คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งได้รายงานให้อธิบดีกรมการฝึกหัดครูทราบว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้กระทำละเมิดต่อโจทก์ และเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 136,500 บาท ปรากฏว่านายเดโช สวนานนท์ อธิบดีกรมการฝึกหัดครูลงลายมือชื่อรับทราบรายงานดังกล่าวนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2528 แม้จะสั่งสอบสวนเพิ่มเติมก็เพื่อจะทราบว่าผู้รับเหมาซึ่งขุดลอกคลองจะต้องร่วมรับผิดในมูลละเมิดด้วยหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนได้รายงานว่า การที่รั้วของวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยาพังมิใช่ผลโดยตรงจากการขุดลอกคลอง ผู้กระทำจึงไม่น่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตามภาพถ่ายบันทึกข้อความเอกสารหมาย ล.11 และ ล.12 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม2529 ฟ้องของโจทก์จึงพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวจำเลยทั้งสามผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา448 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน