คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอผัดเวลาชำระเงินค่าเช่าซื้อที่พิพาทงวดที่ 2 ซึ่งครบกำหนดชำระตามสัญญาประนีประนอม ยอมความที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ต่อศาล โจทก์คัดค้านไม่ยอมผ่อนเวลาให้จำเลยและขอให้ถือตามสัญญายอมความ ดังนี้จำเลยจะอ้างว่า ในขณะที่ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์จำเลยนั้น โจทก์ยอมผ่อนเวลาชำระเงินให้จำเลยโดยโจทก์แถลงด้วยวาจาว่า ถ้าผิดนัด 2 – 3 วันจะไม่เอาผิด มาบังคับโจทก์หาได้ไม่ แม้จะปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ออกนั่งพิจารณารับรองว่า โจทก์ได้ตกลงด้วยวาจาเช่นนั้นจริงก็ตาม ก็เป็นเรื่องจดบันทึกขึ้นภายหลัง จะบังคับเอาแก่โจทก์ไม่ได้ ต้องถือตามสัญญายอมความที่ทำกันไว้

ย่อยาว

โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความต่อศาลในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๐๒ ว่าจำเลยยอมชำระค่าเช่าซื้อที่พิพาทงวดที่ ๒ จำนวน ๑๐,๘๐๐ บาทให้แก่โจทก์ภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันนี้ โดยนำเงินมาวางต่อศาล ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดเวลาจำเลยยอมให้โจทก์ริบเงินทีชำระไปแล้วทั้งหมด และไม่เกี่ยวข้องในที่พิพาทอีกต่อไป
ต่อมาวันที่ ๓๑ เดือนเดียวกัน จำเลยยื่นคำร้องขอผัดชำระเงินให้โจทก์ไปในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๐๒ เนื่องจากจำเลยหาเงินไม่ทัน
วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๒ โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้าน ไม่ยอมผ่อนเวลาให้จำเลย ขอถือตามข้อสัญญายอมความและว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามกำหนด เดียวกันนี้ จำเลยได้นำเงิน ๑๐,๘๐๐ บาทมาวางศาล แต่โจทก์ไม่ยอมรับโดยขอให้ปฏิบัติตามสัญญายอมความ
วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๐๒ ศาล (ผู้พิพากษาผู้ทำสัญญายอมความ) ได้ไกล่เกลี่ยคู่ความตามที่ศาลเลื่อนมานัดพร้อมกัน แต่คู่ความไม่ตกลงกัน ได้บันทึกรายงานกระบวนพิจารณาไว้ว่า ศาลจำได้ว่าในวันที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้น ขณะที่ศาลเขียนสัญญายอมเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว ตัวจำเลยได้แถลงว่ากำหนดชำระเงินขอให้ถึงวันสิ้นเดือน (หมายถึง ๓๑ กรกฎาคม ) ได้ไหม ศาลจึงถามฝ่ายโจทก์ ทั้งตัวโจทก์และทนายต่างรับว่าได้ แต่ศาลเขียนสัญญายอมเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว จะเขียนใหม่ก็ลำบากเพราะมีข้อความมาก จะขีดฆ่ากำหนดวันชำระเงินก็ไม่อยากจะทำเพราะคู่ความจะหาว่าศาลแก้ไขภายหลัง อีกประการหนึ่ง ศาลได้เขียนหนังสือสัญญายอมผิดใช้ไม่ได้มาฉบับหนึ่งแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา ศาลจึงพูดกับฝ่ายโจทก์ว่า กำหนดเวลาชำระเงินนี้ ถ้าผิดนัดไป ๒ – ๓ วัน ก็อย่าเอาเรื่องกันเลยนะ ตัวโจทก์ก็ว่าไม่เป็นไร ทนายโจทก์ยังกำชับตัวโจทก์ว่าควรมารับเงินวันจันทร์ ที่ ๓ สิงหาคม ดีกว่าแน่นอน ศาลยังพูดอีกว่า ดีแล้ว ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าว จำเลยยังไม่ผิดนัดในการปฏิบัติตามสัญญายอมความและคำพิพากษาจึงไม่บังคับตามที่โจทก์ขอและให้โจทก์รับเงินที่จำเลยนำมาวางไว้ต่อศาลด้วย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ยอมผ่อนเวลาชำระเงินให้จำเลยต่อไปถึงวันจันทร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๒ โดยโจทก์แถลงด้วยวาจาว่า ถ้าผิดนัด ๒ – ๓ วันจะไม่เอาผิดกันในขณะที่ศาลชั้นต้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีนี้ให้โจทก์จำเลย แต่ศาลมิได้จดข้อความดังกล่าวนี้ไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความหรือรายงานกระบวนพิจารณา เป็นการไม่ปฏิบัตตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๘ ฯลฯ จึงไม่มีผลบังคับโจทก์ได้แม้ต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกนั่งพิจารณาข้อโต้เถียงของโจทก์จำเลยและจดรายงานพิจารณาดังกล่าวข้างต้น ฯลฯ ก็เป็นเรื่องจดบันทึกขึ้นภายหลัง เป็นเหตุให้การบังคับคดียุ่งยากโต้เถียงกันไม่เป็นยุติ ไม่เป็นผลดีแก่คดีอย่างไรเลย จะบังคับเอาแก่โจทก์ไม่ได้ ต้องถือตามสัญญายอมความที่ทำกันไว้ต่อกันนั้น พิพากษายืน

Share