คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามหนังสือรับรองปรากฏว่า ส. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างโจทก์โดยไม่มีข้อจำกัดอำนาจ และ ส. เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลย ดังนี้ ข้อที่โจทก์อ้างว่าการสลักหลังดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ เพราะ ส. ลงลายมือชื่อไปโดยไม่ได้ปรึกษาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งและต้องประทับตราของโจทก์นั้นเป็นข้อจำกัดอำนาจที่มิได้ปรากฏในหนังสือรับรอง จึงไม่อาจยกขึ้นยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินครบกำหนดโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินกับดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน เพราะโจทก์ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวส่งมอบให้จำเลยเป็นการหักชำระหนี้ค่าซื้อขายหลักทรัพย์ที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยเมื่อหักหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว โจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์มิได้สลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทให้จำเลยเพื่อการหักชำระหนี้ค่าซื้อขายหลักทรัพย์นั้น ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า นายโสภิตอัมระนันทน์ เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังในตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทให้จำเลย และนายโสภิต อัมระนันทน์ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์โดยไม่มีข้อจำกัดอำนาจปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรอง ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าการสลักหลังดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์เพราะเหตุนายโสภิตอัมระนันทน์ ลงชื่อไปโดยยังไม่ได้ปรึกษาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งก่อนประการหนึ่ง และต้องประทับตราของโจทก์ก่อนอีกประการหนึ่งนั้นเป็นข้อจำกัดอำนาจที่มิได้ปรากฏในสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจยกขึ้นยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ นอกจากนี้แล้วข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องกันว่าการตกลงให้จำเลยเป็นตัวแทนในการซื้อขายหุ้นและการสลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทให้จำเลยเป็นประกันนั้น นายโสภิตอัมระนันทน์ ได้กระทำการในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ตลอดจนจำเลยมีสิทธินำตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทหักกลบลบหนี้ที่โจทก์ค้างชำระได้
พิพากษายืน

Share