คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2845/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมได้รับโอนเช็คพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ออกเช็คมาจาก ป. ผู้ทรงคนก่อน โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ร่วมจึงเป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28การที่ ป. ซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ร่วมในภายหลังนั้น เป็นกรณีที่ ป. ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมตามความผูกพันตามกฎหมาย ซึ่งตนจะต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาทไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยซึ่งถูกฟ้องคดีนี้เป็นส่วนหนึ่งต่างหาก จึงไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจำเลยระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นางสมศรี ไตรสุวรรณ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีที่โจทก์ร่วมได้รับโอนเช็คพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้ออกมาจากนายประเสริฐผู้ทรงคนก่อนนั้นโจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ร่วมจึงเป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 การที่นายประเสริฐผู้ทรงคนก่อนซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท ได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ร่วมในภายหลังนั้น เป็นกรณีที่นายประเสริฐชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมตามความผูกพันตามกฎหมาย ซึ่งตนจะต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คพิพาท ไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลย ซึ่งถูกฟ้องคดีนี้เป็นส่วนหนึ่งต่างหาก จึงไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะนำคดีอาญามาฟ้องจำเลยระงับไปดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ในกรณีเช่นนี้โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายซึ่งมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า นายประเสริฐไม่มีหนี้ซึ่งจะต้องชำระให้แก่โจทก์ร่วม เพราะการที่โจทก์ร่วมให้นายประเสริฐจองหุ้นค่าซื้อที่ดินและชำระค่าจองหุ้นนั้น เป็นการหลอกลวงฉ้อโกงนายประเสริฐ เช็คพิพาทซึ่งนายประเสริฐชำระแก่โจทก์ร่วม จึงมีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ร่วมไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คพิพาท เห็นว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดว่า โจทก์ร่วมได้รับชำระหนี้ด้วยเช็คพิพาทจากนายประเสริฐโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า นายประเสริฐไม่มีหนี้หรือไม่มีข้อผูกพันซึ่งจะต้องชำระให้แก่โจทก์ร่วมเพียงใดอีก เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติแล้ว ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share