แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยตกลงเข้าหุ้นประกอบกิจการโรงกลึงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน การที่โจทก์จำเลยขัดแย้งกันโดยจำเลยไม่ให้โจทก์มีสิทธิสั่งจ่ายเงินและไม่แบ่งผลกำไรให้โจทก์ แต่กลับนำเงินไปจ่ายล่วงหน้าสำหรับรถยนต์ที่จำเลยซื้อ และจำเลยไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของกิจการโรงกลึงไว้ทั้งยังปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่หุ้นส่วนกับจำเลย เช่นนี้ ถือได้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามที่โจทก์ฟ้องได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ (ไม่จดทะเบียน)ระหว่างโจทก์จำเลย และตั้งจ่าศาลจังหวัดตะกั่วป่าเป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วน
จำเลยให้การว่า จำเลยเปิดและดำเนินกิจการโรงกลึงด้วยทุนของจำเลย โจทก์ไม่เคยนำเงินสดทรัพย์สินอย่างอื่นหรือแรงงานมาลงทุนร่วมกับจำเลย โจทก์มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้างของจำเลย ไม่มีสิทธิให้จำเลยแสดงบัญชีรับ-จ่าย บอกเลิกห้างหุ้นส่วนและขอตั้งผู้ชำระบัญชีโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญ(ไม่จดทะเบียน) ระหว่างโจทก์จำเลย และให้จ่าศาลจังหวัดตะกั่วป่าเป็นผู้ชำระบัญชีดำเนินการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีเพียงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกระทำกิจการโรงกลึงหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกระทำกิจการโรงกลึงตามฟ้องโจทก์คดีมีประเด็นต่อไปตามคำแก้ฎีกาของโจทก์ว่ามีเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์จำเลยขัดแย้งกันโดยจำเลยไม่ให้โจทก์มีสิทธิสั่งจ่ายเงินและไม่แบ่งผลกำไรให้โจทก์ แต่กลับนำเงินไปจ่ายล่วงหน้าสำหรับรถยนต์ที่จำเลยซื้อโดยเฉพาะจำเลยไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายยของกิจการโรงกลึงไว้ทั้งยังปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่หุ้นส่วนกับจำเลยถือได้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดำรงคงอยู่ต่อไปได้ จึงมีเหตุที่ศาลจะพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามที่โจทก์ฟ้องได้
พิพากษายืน