แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของที่ดินพูดยกที่พิพาทให้จำเลยโดยมีเจตนาที่จะไปจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กันต่อไป แสดงว่ายังมิได้แสดงเจตนาสละการครอบครองให้จำเลย การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทก่อนทำการโอนจึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เข้าครอบครองในฐานะผู้แย่งการครอบครองแม้จะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครองทั้งไม่ทำให้ผู้มีสิทธิในที่พิพาทหมดสิทธิฟ้องเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 และเมื่อเจ้าของที่พิพาทตายโดยที่ยังมิได้ไปทำการยกให้เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525ประกอบด้วยมาตรา 129 ที่พิพาทยังไม่ตกเป็นของจำเลยแต่เป็นมรดกตกได้แก่ทายาทของเจ้าของที่ดิน
โจทก์เป็นน้องร่วมบิดาเดียวกันกับเจ้าของที่พิพาทย่อมเป็นทายาทได้รับมรดกในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(4) เพราะไม่มีทายาทของเจ้าของที่พิพาทระดับเหนือกว่าโจทก์ขึ้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายจูกับนางไค เสริฐเจือ มีบุตร 1 คน คือนายสมใจ ต่อมานางไคตาย นายจูแต่งงานใหม่กับนางนาง มีบุตร 2 คน คือโจทก์ทั้งสอง นายจูกับนายสมใจมีสิทธิครอบครองร่วมกันในที่ดินน.ส.3 ก. 1 แปลง ต่อมานายจูตาย และต่อมาอีกหนึ่งปีเศษนายสมใจก็ตาย นางนางและโจทก์ทั้งสองยังคงครอบครองทำกินในที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงจนกระทั่งนางนางตาย ที่ดินแปลงนี้จึงเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ทั้งสองจำเลยเป็นน้องของนางไค เมื่อนายจูตายแล้วได้มาขอทำนาในที่ดินดังกล่าวประมาณ 10 ไร่ ต่อมาเมื่อนางนางได้ยื่นคำร้องขอโอนรับมรดกที่ดินแปลงนี้ให้แก่ทายาท จำเลยคัดค้านอ้างว่าเป็นทายาทผู้มีสิทธิในมรดกเพราะนายสมใจ เป็นหลายจำเลยนางนางจึงไม่สามารถโอนรับมรดกได้ และเมื่อนางนางตายแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่านายสมใจยกให้จำเลยแล้ว จึงขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องและให้ออกไปจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า เมื่อนายจูแต่งงานกับนางนาง จำเลยได้นำนายสมใจไปอุปการะเลี้ยงดู นายสมใจจึงยกที่ดินส่วนของตนให้จำเลย จำเลยเข้าครอบครองทำกินมาเกินหนึ่งปีแล้ว และเมื่อนายจูตาย นางนางมารดาโจทก์ได้ยินยอมให้ที่ดินส่วนที่นายสมใจยกให้จำเลยเป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของนายจูและนายสมใจ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติฟังได้ว่า ที่นาตาม น.ส. 3 ก.เอกสารหมาย ล.3 มีชื่อนายจูกับนายสมใจเป็นเจ้าของ เมื่อนายจูตายแล้วที่นาดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน คือส่วนทางทิศตะวันออกและส่วนทางทิศตะวันตกส่วนทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่พิพาท จำเลยเข้าครอบครองทำกินก่อนนายสมใจตาย เมื่อนายสมใจตายแล้วจำเลยก็ยังคงครอบครองทำกินอยู่คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยว่า นายสมใจยกที่พิพาทให้จำเลยหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวจำเลยอ้างว่าเหตุที่นายสมใจยกที่พิพาทให้จำเลยเพราะจำเลยเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูนายสมใจมาโดยจำเลยเบิกความว่านายสมใจยกที่พิพาทให้จำเลยเมื่อ พ.ศ. 2522 เหตุที่ไม่แก้ไขชื่อในทะเบียนน.ส.3 ก. เพราะนายสมใจถูกยิงตายเสียก่อน นายโรยซึ่งอ้างว่าเป็นพยานรู้เห็นในการที่นายสมใจพูดยกที่ให้จำเลยเบิกความว่า การยกให้จะไปโอนกันภายหลังเห็นว่า แม้ความจริงจะเป็นดังคำเบิกความของพยานดังยกขึ้นกล่าวนี้ แสดงว่าเมื่อพูดยกให้แล้วมีเจตนาที่จะไปจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไปนายสมใจยังมิได้แสดงเจตนาสละการครอบครองให้จำเลย การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทก่อนทำการโอนเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของนายสมใจที่บอกยกให้ไม่ได้เข้าครอบครองในฐานะผู้แย่งการครอบครองแม้จะครอบครองเกินหนึ่งปีแล้วหรือจะกี่ปีก็ตาม ไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองที่พิพาท และไม่ทำให้ผู้มีสิทธิในที่พิพาทขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 และการยกให้ที่พิพาทไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 ประกอบด้วยมาตรา 1299ที่พิพาทยังไม่ตกเป็นของจำเลยโดยการยกให้ เมื่อนายสมใจตายที่พิพาทย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาทของนายสมใจ นางนางไม่ใช่ทายาทของนายสมใจไม่มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาท ข้อตกลงตามเอกสารหมาย ล.2 แม้จะฟังว่าเป็นการตกลงให้จำเลยได้สิทธิในที่พิพาทก็ไม่มีผลที่จะทำให้ที่พิพาทตกเป็นของจำเลยเพราะนางนางไม่มีอำนาจที่จะกระทำเช่นนั้น โจทก์ทั้งสองเป็นน้องร่วมบิดาเดียวกันกับนายสมใจย่อมได้รับมรดกในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(4) เพราะทายาทของนายสมใจระดับเหนือกว่าโจทก์ทั้งสองขึ้นไปไม่มี
พิพากษายืน