คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2515

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ร่วมแล้วออกเช็คให้. โดยตกลงกันว่าเมื่อเช็คถึงกำหนด. ให้โจทก์ร่วมไปขึ้นเงินเป็นการชำระหนี้เงินยืม ย่อมเป็นการแสดงเจตนาจะใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้. มิใช่เพื่อประกันเงินกู้หรือเป็นการออกเช็คเพื่อใช้แทนสัญญากู้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเปิดบัญชีไว้กับธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาดำเนินสะดวก ซึ่งเดิมมีชื่อว่า ธนาคารเกษตร จำกัด สาขาดำเนินสะดวก จำเลยจึงใช้เช็คของธนาคารเกษตร จำกัด สาขาดำเนินสะดวก เบิกเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาดำเนินสะดวก ซึ่งโอนกิจการจากธนาคารเกษตร จำกัด สาขาดำเนินสะดวก ได้

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2511 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจออกเช็คของธนาคารเกษตร จำกัด สาขาดำเนินสะดวก เลขที่ดับเบิลยู 114053 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2511 สั่งจ่ายเงิน 120,000 บาท ให้แก่นายสุเทพ บุญมาศิริ ให้ไปรับเงินที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาดำเนินสะดวก ได้ตั้งแต่วันที่ลงในเช็คเป็นต้นไป วันที่ 13 ธันวาคม 2511 เวลากลางวัน นายสุเทพ บุญมาศิริ นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาดำเนินสะดวก ๆ ได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีของจำเลยเลย ทั้งนี้โดยจำเลยออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้และออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เหตุเกิดที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคณที จังหวัดสมุทรสงคราม และตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ต่อเนื่องกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่นายสุเทพ บุญมาศิริ

นายสุเทพ บุญมาศิริ ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ร่วมไปโดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้กัน จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อใช้ชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ร่วมโจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปขึ้นเงินแล้วถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี เช่นนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วม และการกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาเห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วม โจทก์ร่วมนำเช็คนั้นไปขึ้นเงินธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย แต่เป็นเรื่องจำเลยขอยืมเงินโจทก์ร่วม แล้วออกเช็คให้โจทก์ร่วมไว้โดยมิได้ทำหนังสือหรือหลักฐานการยืมเงินกันไว้ จึงเป็นการออกเช็คเพื่อประกันเงินกู้คือเป็นการออกเช็คเพื่อใช้แทนสัญญากู้ ไม่ใช่ออกเช็คเพื่อให้ชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2511 จำเลยได้กู้เงินจากโจทก์ร่วมไปเป็นเงิน 120,000 บาท โดยไม่ได้ทำสัญญากู้กัน จำเลยได้ออกเช็ครายพิพาทลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2511 สั่งจ่ายเงิน 120,000 บาท ให้โจทก์ร่วมไว้ ก่อนเช็ครายพิพาทจะถึงกำหนด 1 วัน จำเลยได้ขอผัดผ่อนให้โจทก์ร่วมไปขึ้นเงินต่อธนาคารในวันสิ้นเดือนถึงกำหนดจำเลยผัดผ่อนอีกและขอผัดไปอีกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำเลยขอให้โจทก์ร่วมนำเช็ครายพิพาทไปขึ้นเงินในวันที่ 12 ธันวาคม 2511 ในวันรุ่งขึ้นโจทก์ร่วมนำเช็ครายพิพาทไปขึ้นเงินต่อธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาดำเนินสะดวก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่ายปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะให้ใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะเป็นเรื่องจำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์ร่วม โดยจำเลยออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์ร่วมแม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือหรือหลักฐานการกู้ยืมเงินให้โจทก์ร่วมไว้ก็ตาม แต่ก็ได้ออกเช็คให้โจทก์ร่วมไว้โดยมีการที่จำเลยกู้เงินไปจากโจทก์ร่วมเป็นมูลหนี้ ย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวข้างต้นว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ร่วม แล้วออกเช็ครายพิพาทให้ โดยตกลงกันว่าเมื่อเช็ครายพิพาทถึงกำหนด ให้โจทก์ร่วมไปขึ้นเงินเป็นการชำระหนี้เงินยืม ฉะนั้น ย่อมเป็นการแสดงเจตนาจะใช้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้ มิใช่เพื่อประกันเงินกู้ หรือเป็นการออกเช็คเพื่อใช้แทนสัญญากู้แต่อย่างใด และตามที่โจทก์นำสืบก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนเช่นนั้น คำพิพากษาฎีกาที่ 862/2512 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ที.เอ.เดโคเรชั่น กับพวก จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์อ้าง เป็นเรื่องที่ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อประกันเงินกู้ คือเป็นการออกเช็คให้เพื่อใช้แทนสัญญากู้ ไม่ใช่ออกเช็คเพื่อให้ชำระหนี้ จึงนำมาปรับกับคดีนี้ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยขอยืมเงินโจทก์ร่วมแล้วออกเช็คให้โจทก์ร่วมไว้โดย มิได้ทำหนังสือหรือหลักฐานการยืมเงินกันไว้ จึงเป็นการออกเช็คเพื่อประกันเงินกู้ คือเป็นการออกเช็คเพื่อใช้แทนสัญญากู้ โดยไม่มีเจตนาจะให้เช็คนั้นเป็นการชำระหนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share