คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอรับชำระหนี้ระบุว่าลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้40,000 บาทเป็นค่าเงินกู้ ดังปรากฏตามเช็คและใบคืนเช็คที่ยื่นพร้อมกับคำขอ แม้จะระบุว่าเป็นค่าเงินกู้ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างถึงมูลหนี้เดิมที่ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับเช็คมาเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืม อันเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยมีมูลหนี้ต่อกัน ผู้ขอรับชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเมื่อเช็คนั้นเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอ

ย่อยาว

คดีนี้ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ผู้ขอรับชำระหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามเช็คจำนวนเงิน๔๐,๐๐๐ บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว ทำความเห็นต่อศาลชั้นต้นว่า มูลหนี้เป็นหนี้เงินกู้แต่ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดง คงมีแต่เช็คซึ่งมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามพระราาชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔(๑) เห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำขอ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำขอรับชำระหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้ที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ระบุว่าลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าเงินกู้ ดังปรากฏตามเช็คและใบคืนเช็คที่ยื่นพร้อมกับคำขอ แม้จะระบุว่าเป็นค่าเงินกู้ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวอ้างถึงมูลหนี้เดิมที่ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับเช็คมา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คให้ผู้ขอรับชำระหนี้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืม อันเป็นการสั่งจ่ายเช็คให้โดยมีมูลหนี้ต่อกัน ผู้ขอรับชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อเช็คนั้นเรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share