แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่วัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นไม่เป็นเหตุให้การชำระหนี้ของโจทก์ที่จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นพ้นวิสัย โจทก์จะอ้างเรื่องวัสดุก่อสร้างที่มีราคาสูงขึ้นมาเป็นเหตุให้หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาไม่ได้
แม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมา และคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศจะได้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมาไว้ ซึ่งถ้าถือตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวจำเลยควรจ่ายเงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ตามที่คณะกรรมการได้กำหนด แต่มติคณะรัฐมนตรีและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของ ประเทศหาได้บังคับผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาให้จำต้องปฏิบัติตามโดยเด็ดขาดไม่ เมื่อจำเลยพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่โจทก์น้อยกว่าที่คณะกรรมการได้กำหนด โจทก์มิได้โต้แย้ง จึงถือได้ว่าโจทก์พอใจและตกลงยอมรับในจำนวนเงินดังกล่าวเพียงเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้เงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ตามคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการดังกล่าวอีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาโจทก์ก่อสร้างปรับปรุงชานชาลาย่านสถานีกรุงเทพ เป็นเงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ส่งมอบสถานที่ให้โจทก์ก่อสร้างตามสัญญา โจทก์ต้องรอคอยการส่งมอบสถานที่หลายแห่งและหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายต้องรอคอยจำเลยรื้อส้วมเพื่อมอบสถานที่ให้โจทก์หลายเดือน จำเลยจึงให้โจทก์ไปก่อสร้างปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือท้ายฟ้อง ต่อมาโจทก์ตกลงกันให้จำเลยก่อสร้างเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จเองโดยหักเงินจากค่าจ้างโจทก์ออก ๓๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้รับเงินจากจำเลยเพียง ๙๘๒,๐๐๐ บาท ส่วนที่ค้างอีก ๑๑๘,๐๐๐ บาท จำเลยว่าจะต้องเสียค่าปรับเนื่องจากล่าช้าแต่การล่าช้ามิใช่เกิดจากความผิดของโจทก์ดังกล่าวแล้ว ทั้งเกิดจากเหตุสุดวิสัยเพราะวัสดุก่อสร้างหาได้ยากเนื่องจากพ่อค้ากักตุนไม่ยอมขายให้แก่ผู้รับเหมาอันเป็นเหตุสุดวิสัยวัสดุต่าง ๆ มีราคาสูงขึ้นทำให้ผู้รับเหมาต้องขาดทุน คณะรัฐมนตรีมีมติให้ต่อสัญญาให้โดยไม่ต้องปรับและชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมาอีกด้วย คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของของประเทศพิจารณาแล้วให้จำเลยชดใช้ค่าก่อสร้างให้โจทก์ ๔๕๗,๖๐๐ บาท แต่จำเลยจ่ายให้เพียง ๑๘๔,๐๐๐ บาท ยังค้างอีก ๒๗๓,๖๐๐ บาท เมื่อรวมกับค่าจ้างที่ค้าง ๑๑๘,๐๐๐ บาท จึงเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ ๓๙๑,๖๐๐ บาท โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ส่งมอบสถานที่ล่าช้า ที่โจทก์อ้างว่าต้องรอคอยจำเลยรื้อส้วมหลายเดือนก็ไม่จริง เพราะตามสัญญาการรื้อถอนส้วมและก่อสร้างตรงที่รื้อถอนเป็นหน้าที่ของโจทก์ แต่เมื่อโจทก์ทำไม่ได้ก็ตกลงกันให้จำเลยรื้อถอนและก่อสร้างตรงที่รื้อถอนส้วมเอง โดยโจทก์ยอมให้จำเลยหักค่าจ้างไว้ ๓๐,๐๐๐ บาท การรื้อถอนส้วมกระทำหลักจากส่งมอบงานงวดที่ ๙ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๘ และจำเลยให้โจทก์ทำงานต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๑๘ จนเสร็จงานงวดที่ ๑๐ และงานงวดที่ ๑๐ นี้จำเลยไม่ได้ปรับโจทก์ เงิน ๑๑๘,๐๐๐ บาทที่โจทก์อ้างว่าจำเลยค้างชำระนั้นเป็นเงินที่โจทก์ยอมให้จำเลยหักไว้เป็นค่ารื้อถอนส้วมและก่อสร้างตรงที่รื้อถอนนั้น ๓๐,๐๐๐ บาท และเป็นค่าปรับที่โจทก์ส่งมอบงานล่าช้าจนถึงงวดที่ ๙ อีก ๘๘,๐๐๐ บาท การที่หาวัสดุก่อสร้างยากเพราะพ่อค้ากักตุนเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหตุสุดวิสัย คำสั่งของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศที่ว่าโจทก์มีสิทธิได้ รับเงินชดเชยการก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรี ๔๕๗,๐๐๐ บาทนั้น ไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงเพราะสั่งให้จำเลยชดเชยสูงเกินความจริง ซึ่งจำเลยควรชดเชยเพียง ๑๑๔,๕๐๐ บาท จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ การจ่ายเงินชดเชยเป็นอำนาจของคณะกรรมการรถไฟที่จะพิจารณาอนุมัติ และคณะกรรมการรถไฟมีมติให้จำเลยจ่ายเงินชดเชยให้โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์ยินยอมรับเงินไปจากจำเลยแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินชดเชยจากจำเลยอีก โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่า ๑ ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความแถลงรับว่าเอกสารท้ายฟ้องตรงกับต้นฉบับ และเป็นเอกสารที่คู่ความทำไว้จริง แล้วต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานขอให้ศาลพิพากษาไปตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินชดเชยค่าจ้างเหมา ๑๖,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๑๗ จำเลยทำสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ก่อสร้างปรับปรุงชานชาลาย่านสถานีกรุงเทพฯ ชานชาลาที่ ๓, ๔ และ ๕ เป็นเงิน ๑,๑๑๐,๐๐๐ บาท โดยกำหนดจ่ายเงินค่าจ้างให้โจทก์รวม ๑๐ งวด งวดละ ๑๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อโจทก์ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ละงวด ๑๐ เปอร์เซ็นต์และให้โจทก์ทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จครบถ้วนตามสัญญาและส่งมอบภายใน ๒๑๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับมอบสถานที่เป็นต้นไป ถ้าไม่เสร็จภายในเวลาดังกล่าวโจทก์ยอมให้ริบเงินประกันหรือปรับเป็นรายวัน ๆ ละ ๑,๑๐๐ บาท จำเลยมอบสถานที่ก่อสร้างให้โจทก์เพื่อก่อสร้างตามสัญญาเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๑๗ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๘ โจทก์แจ้งว่าได้ก่อสร้างงานงวดที่ ๘ และ ๙ เสร็จ และจำเลยตรวจรับงาน ๒ งวดดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๘ ในการก่อสร้างตามสัญญาจะต้องรื้อถอนส้วม โจทก์และจำเลยตกลงกันให้จำเลยรื้อถอนส้วมโดยโจทก์ยอมให้หักค่าจ้างออก ๓๐,๐๐๐ บาท เมื่อจำเลยรื้อส้วมเสร็จแล้ว โจทก์ก็เข้าทำงานงวดที่ ๑๐ ต่อไปจนเสร็จ ในการที่โจทก์ทำการก่อสร้างตามสัญญาจนเสร็จงานงวดที่ ๑๐ จำเลยชำระค่าจ้างให้โจทก์ ๙๘๓,๐๐๐ บาท หลังทำสัญญาแล้ววัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเดือดร้อนและขาดทุนหากผู้รับเหมาก่อสร้างสถานที่ราชการขาดทุนมากจะทนไม่ได้ ก็จะละทิ้งงานไป จะเป็นผลเสียหายต่อทางราชการ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศเพื่อพิจารณาเพิ่มราคาค่าก่อสร้างเพื่อชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่ผู้รับเหมา คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณาแล้วสั่งให้จำเลยชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้โจทก์ ๔๕๗,๐๐๐ บาท จำเลยเห็นว่าจำนวนเงินดังกล่าวสูงเกินความเป็นจริง จึงจ่ายให้แก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท และโจทก์ได้รับเงินชดเชยจากจำเลยแล้ว ๑๘๔,๐๐๐ บาท และวินิจฉัยว่าที่โจทก์ว่าจำเลยปรับโจทก์ ๘๘,๐๐๐ บาท โดยอ้างว่าเหตุที่โจทก์ทำงานล่าช้าไม่ใช่เป็นเพราะความผิดของโจทก์ แต่เป็นเพราะวัสดุก่อสร้างราคาสูงไม่มีขาในท้องตลาดเพราะพ่อค้ากักตุน กรรมกรหยุดงาน และเพราะจำเลยไม่ยอมให้โจทก์รื้อส้วมโดยให้รอจนกว่าจำเลยสร้างส้วมใหม่เสร็จก่อนนั้น เห็นว่าการที่วัสดุก่อสร้างราคาสูงขึ้นไม่เป็นเหตุให้การชำระหนี้ของโจทก์ที่จะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นพ้นวิสัย โจทก์จึงจะอ้างเรื่องวัสดุก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นมาเป็นเหตุให้หลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาไม่ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่โจทก์ ๔๕๗,๖๐๐ บาท ตามมติของคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศนั้น เห็นว่าแม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่ผู้รับเหมา และคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุง่ระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของประเทศจะได้กำหนดแนวปฏิบัติในการชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้ผู้รับเหมาไว้ ซึ่งถ้าถือตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว จำเลยความจ่ายเงินชดเชยค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ ๔๕๗,๖๐๐ บาท แต่มติคณะรัฐมนตรีและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการปรับปรุงระบบการก่อสร้างสถานที่ราชการและถาวรวัตถุของ ประเทศหาได้บังคับผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาก่อสร้างให้จำต้องปฏิบัติตามโดยเด็ดขาดไม่ เมื่อจำเลยพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้แก่โจทก์เพียง ๒๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว โจทก์ไม่ได้โต้แย้ง จึงถือได้ว่าโจทก์พอใจและตกลงยอมรับในจำนวนเงินดังกล่าวเพียงเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดเชยเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ ๔๕๗,๖๐๐ บาท ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวอีก
พิพากษายืน