แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ท.และจำเลยเคยพิพาทกันเรื่องมรดกก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 ปี ในวันเกิดเหตุ ท. กับจำเลยทะเลาะกันอีกจำเลยพูดขู่จะฆ่า ท. ต่อมาจำเลยใช้ปืนยิง ท. ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกระสุนปืนพลาดไปถูกผู้อื่นถึงแก่ความตาย ดังนี้ การที่ ท. และจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนนั้นถือไม่ได้เสมอไปว่ามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งเหตุพิพาทเรื่องมรดกก็นานถึง 3 ปีมาแล้ว เหตุที่ทะเลาะกันในวันเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน เหตุยิงกันก็เกิดหลังจากที่ได้ทะเลาะกันแล้วถึง 4 ชั่วโมงเศษ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่ามาก่อนแล้ว จะถือเอาการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ท. ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้นเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด จำเลยอาจคิดฆ่า ท. ขึ้นในขณะที่มาพบเห็น ท. ตอนหลังก็เป็นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาตและได้ใช้ปืนยิงนายทุน ศรีมงคล โดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้นายทุนได้รับอันตรายสาหัส และกระสุนปืนพลาดไปถูกนายทองดี พิลาดี ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๙, ๙๑, ๘๐, ๖๐ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๘๙(๔), ๖๐, ๘๐ ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักให้ประหารชีวิต และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ลงโทษฐานมีอาวุธปืนจำคุก ๑ ปี ฐานพาอาวุธปืนจำคุก ๒ เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกฐานมีอาวุธปืน ๒ เดือน ฐานพาอาวุธปืน ๑ เดือน ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตลอดชีวิต รวมสามกระทงเป็นจำคุกตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๐, ๘๐ ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๐ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกตลอดชีวิต รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ ประกอบด้วยมาตรา ๕๒ จำคุก ๒๕ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายทุนและจำเลยเคยมีข้อพิพาทเรื่องมรดกเมื่อประมาณ ๓ ปีก่อนเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุนายทุนกับจำเลยทะเลาะกันเมื่อเวลาประมาณ ๑๕ นาฬิกา จำเลยพูดขู่จะฆ่านายทุน ต่อมาเวลาประมาณ ๑๙ นาฬิกาก็เกิดเหตุคดีนี้ และวินิจฉัยว่า การที่นายทุนและจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนนั้น ถือไม่ได้เสมอไปว่ามีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทั้งเหตุพิพาทเรื่องมรดกก็นานถึง ๓ ปีมาแล้ว เหตุที่ทะเลาะกันในวันเกิดเหตุก็ไม่ปรากฏเหตุว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน เหตุยิงกันก็เกิดหลังจากที่ได้ทะเลาะกันแล้วถึง ๔ ชั่วโมงเศษ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนเตรียมการเพื่อจะฆ่ามาก่อนแล้วจะถือเอาการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายทุนขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้น เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด จำเลยอาจคิดฆ่านายทุนขึ้นในขณะที่มาพบเห็นนายทุนตอนหลังก็เป็นได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โดยไม่รวมโทษในความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยังไม่ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รวมโทษฐานมีและพาอาวุธปืน เป็นโทษจำคุก ๒๕ ปี ๗ เดือน