คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองพ.ศ. 2503 ให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นคณะกรรมการที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นตั้งขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่าอาคารชำรุดทรุดโทรม น่ารังเกียจ ไม่อาจแก้ไขได้ก็สั่งให้รื้อถอนได้ รัฐมนตรีชี้ขาดยกอุทธรณ์แล้วให้เป็นที่สุด เมื่อไม่ปรากฏว่าได้กลั่นแกล้งหรือไม่สุจริต ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนคำสั่งนั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อปี พ.ศ. 2517ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2503 มาตรา 12และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่ตรวจพิจารณาอาคารที่ตั้งอยู่ริมถนน ที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมหรืออยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจและไม่อาจแก้ไขได้ตามภาพถ่ายคำสั่งกรุงเทพมหานคร เอกสารหมาย ล.1 คณะกรรมการได้ไปตรวจสอบอาคารห้องแถวไม้ริมถนนพระราม 4 ในเขตพระโขนงแล้ว ได้ทำความเห็นเสนอผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า ห้องแถวไม้ของโจทก์ทั้งหกและผู้อื่นรวม 26 ห้องเคยถูกเพลิงไหม้มีสภาพชำรุดทรุดโทรมและอยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจไม่อาจแก้ไขได้ เห็นสมควรสั่งให้รื้อถอนอาคารของโจทก์และของผู้อื่นทั้ง 26 ห้องตามภาพถ่ายเอกสารหมาย ล.2 ต่อมาทางกรุงเทพมหานครสั่งให้เขตพระโขนงดำเนินกิจการ จำเลยที่ 2 หัวหน้าเขตพระโขนง จึงมีคำสั่งลงวันที่ 14 ธันวาคม 2519 ตามเอกสารหมาย จ.1 ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารทั้ง 26 ห้องซึ่งรวมทั้งโจทก์ รื้อถอนอาคาร และได้จัดหาที่อยู่ชั่วคราวให้ที่บริเวณประชานิเวศน์ 1 ถนนประชาชื่น โจทก์กับพวกเห็นว่าอาคารของโจทก์หลังจากถูกไฟไหม้ได้ซ่อมแซมแก้ไขแล้ว ไม่ชำรุดทรุดโทรมและไม่อยู่ในสภาพเป็นที่น่ารังเกียจจนไม่อาจแก้ไขได้ จึงได้อุทธรณ์คำสั่งต่อจำเลยที่ 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.2 ต่อมาจำเลยที่ 1หัวหน้าเขตพระโขนงคนใหม่ได้มีหนังสือแจ้งโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 ว่าจำเลยที่ 3 พิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์กับพวกแล้ววินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ และให้โจทก์กับพวกรื้อถอนอาคารให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน แต่โจทก์กับพวกไม่ยอมรื้อถอนอาคารและได้นำคดีมาฟ้องศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

พิเคราะห์แล้ว โจทก์ทั้งหกฎีกาว่า อาคารของโจทก์ไม่ได้ชำรุดทรุดโทรมหรืออยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจและไม่อาจแก้ไขได้ การที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์รื้อถอนอาคารจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2503 มาตรา 12 บัญญัติมีความว่า เมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นเห็นว่าอาคารใดซึ่งตั้งอยู่ริมถนน ชำรุดทรุดโทรมหรืออยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจและไม่อาจแก้ไขได้ให้ตั้งกรรมการขึ้นพิจารณา ถ้ากรรมการเห็นว่าอาคารนั้นไม่อาจแก้ไขได้ และบุคคลซึ่งอยู่อาศัยในอาคารมีที่อยู่แห่งอื่น หรือถ้าไม่มี เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายสามารถจัดหาที่อยู่ชั่วคราวให้ได้ใกล้เคียงกับสภาพและความเป็นอยู่เดิม และเห็นสมควรให้รื้อถอน ก็ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารจัดการรื้อถอนซึ่งเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ ในกรณีที่รัฐมนตรีวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด ตามบทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่น คณะกรรมการที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นตั้งขึ้นและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า อาคารใดชำรุดทรุดโทรมหรืออยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจและไม่อาจแก้ไขได้หรือไม่หากเห็นว่ากรณีเข้าข่ายมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เจ้าพนักงานท้องถิ่นก็ชอบที่จะมีคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารจัดการรื้อถอนอาคารได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าอาคารของโจทก์อยู่ริมถนนเป็นอาคารไม้เคยถูกเพลิงไหม้มาแล้วและซ่อมแซมหลังจากถูกเพลิงไหม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคณะกรรมการได้ตรวจพิจารณาแล้ว เห็นว่าอาคารของโจทก์ชำรุดทรุดโทรมและอยู่ในสภาพอันเป็นที่น่ารังเกียจจนไม่อาจแก้ไขได้จึงได้มีคำสั่งให้โจทก์รื้อถอน โดยไม่ปรากฏว่าได้กลั่นแกล้งโจทก์หรือไม่สุจริตแต่อย่างใด ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ได้วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ ซึ่งตามกฎหมายคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุดเช่นนี้ คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้โจทก์รื้อถอนอาคารจึงเป็นคำสั่งตามกฎหมายที่ให้อำนาจทางฝ่ายปกครองหรือฝ่ายบริหารโดยเฉพาะและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีไม่มีเหตุจะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

ส่วนข้อที่โจทก์ทั้งหกฎีกาว่า จำเลยได้จัดหาที่ให้โจทก์ย้ายไปอยู่ที่บริเวณประชานิเวศน์ 1 ถนนประชาชื่น ซึ่งไม่มีสภาพและความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับสภาพและความเป็นอยู่เดิมนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์รื้อถอนอาคาร โดยกล่าวอ้างเหตุเพียงว่า อาคารของโจทก์ไม่ชำรุดทรุดโทรมและไม่เป็นที่น่ารังเกียจจนไม่สามารถแก้ไขได้เท่านั้น ฉะนั้นโจทก์จะยกข้อฎีกาดังกล่าวมาเป็นเหตุขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยในชั้นฎีกาหาได้ไม่ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share