คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2466

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มรฎก เมียร้าง ข้อสืบ ขอส่วนแบ่ง

ย่อยาว

อ. ฟ้องเรียกมรฎก ม. สามีจาก ป. บุตร์โดยกล่าวว่าตนมีสินเดิมมาอยู่กินกับ ม. ป.ให้การว่า อ.ไม่มีสินเดิม ทั้ง ม. ได้ทิ้งร้าง อ. ไปนานแล้ว ทรัพย์ที่ อ. ฟ้องเรียกนั้นเปนของ ป.
ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่า อ. กับ ม. แยกเรือนกันอยู่คนละหลังเพื่อหลีกความรำคาญแต่ก็คงอยู่ในที่บริเวณเดียวกัน เมื่อ ม. ตายแล้ว อ. ก็กลับไปอยู่เรือนเดิม จะฟังว่า ม. กับ อ. ได้อย่ากันหรือร้างกันอย่างหนึ่งอย่างใดยังไม่ได้ข้อที่ศาลเดิมวินิจฉัยว่า อ. ไม่มีสินเดิมมาอยู่กินกับ ม. การวินิจฉัยเช่นนั้น ถ้า ป. ไม่ได้ให้การว่า ม. ไม่มีสินเดิมด้วยก็ชอบอยู่ แต่ ป. ให้การว่า อ. แล ม.ไม่มีสินเดิมด้วยกัน ก็เท่ากับรับว่า อ. มีสิทธิจะแบ่งสินสมรสได้ เพราะผัวเมียไม่มีสินเดิมด้วยกัน ต้องแบ่งสินสมรสเหมือนอย่างมีสินเดิมด้วยกัน เพราะฉนั้น อ. ไม่จำเปนต้องสืบว่ามีสินเดิมก็แบ่งสินสมรสได้ตามกฎหมาย ส่วนที่ศาลเดิมสั่งยกคำร้องของ ก. ฮ. ผู้เปนบุตร์ อ. แล ม. ว่าร้องขอส่วนแบ่งมรฎกเมื่อศาลพิจารณาเสร็จสำนวนแล้ว โดยไม่นำพยานมาสืบแลไม่ให้โอกาศจำเลยแก้ได้นั้นไม่ชอบ เพราะตามกฎหมายแม้จะไม่มีใครมาร้องขอส่วนแบ่ง เมื่อศาลพิจารณาปรากฎว่า ยังมีผู้ที่จะได้รับมรฎกอยู่อีก ก็ยังต้องแบ่งส่วนไว้ให้ แต่ ป. คัดค้านว่า ผู้ร้องได้ทรัพย์ไปมากแล้ว ไม่ควรได้ส่วนแบ่งอีก ศาลเดิมยังไม่ได้ไต่สวน จึงพิพากษาให้แบ่งมรฎกเปนสมรสของ อ. ๑ ส่วน อีก ๒ ส่วนเปนมรฎกของ ม. แบ่งเปนภาคภรรยา ๑ , ภาคบุตร์ ๑ ให้ศาลเดิมไต่สวนว่าบุตร์คนใดได้ส่วนแบ่งเมื่อออกเรือนไปมากน้อยเท่าใดแล้วสั่งต่อไปตามกฎหมาย , ศาลฎีกาตัดสินยืน

Share