คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง นั้น หมายความว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาก็ได้ แม้จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนของศาลชั้นต้นโดยโต้แย้งเรื่องศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี แต่เมื่อคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาก็ถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยจึงไม่อาจนำคดีเรื่องเดียวกันมาฟ้องอีกได้ ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามมาตรา 173 วรรคสอง (1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยพร้อมบริวารให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง และห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ทั้งสอง กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายออกไปจากที่ดินของโจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ขอให้ยกฟ้องและมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ให้โจทก์ทั้งสองไปดำเนินการแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย หากโจทก์ทั้งสองไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
ระหว่างพิจารณา โจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 2 ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ในวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายได้ความว่า คดีที่จำเลยยื่นคำร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทตามคดีหมายเลขดำที่ 187/2546 และหมายเลขแดงที่ 1214/2546 ของศาลชั้นต้น อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าฟ้องแย้งของจำเลยเป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขดำที่ 187/2546 และหมายเลขแดงที่1214/2546 ของศาลชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งรับฟ้องแย้งเป็นไม่รับฟ้องแย้ง และเพิกถอนคำสั่งรับคำให้การแก้ฟ้องแย้งเป็นไม่รับคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามที่คู่ความแถลงรับกันว่า ก่อนคดีนี้จำเลยเคยยื่นคำร้องขออ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทในคดีนี้ตามคดีหมายเลขดำที่ 187/2546 และหมายเลขแดงที่ 1214/2546 ของศาลชั้นต้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้นหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีก่อนเพราะเห็นว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาเนื่องจากคดีอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดธัญบุรี คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงไม่ผูกพันคู่ความ คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นชอบที่จะรอฟังคำพิพากษาศาลฎีกาก่อนที่จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งจำเลยในคดีนี้ เห็นว่า คำว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง นั้น หมายความว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาก็ได้ แม้จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนของศาลชั้นต้นโดยโต้แย้งเรื่องเขตอำนาจศาล แต่เมื่อปรากฏว่าคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาก็ถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาเช่นเดียวกัน จำเลยจึงไม่อาจนำคดีเรื่องเดียวกันมาฟ้องอีกได้ ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) นับตั้งแต่วันยื่นคำฟ้องแย้งแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องแย้งแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยนั้น ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share