คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อ้างว่าได้ซื้อที่ดินตามฟ้องมาจากจำเลย โดยตัวแทนของจำเลยนำมาขายให้โจทก์ แต่ตามทางนำสืบของโจทก์กลับได้ความว่าจำเลยมีสิทธิเพียงเป็นผู้จะซื้อและผู้รับจำนองตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายและหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันเท่านั้น สิทธิครอบครองความเป็นเจ้าของในที่ดินตามฟ้องยังมิได้ตกมาเป็นของจำเลยแต่อย่างใด จำเลยหรือตัวแทนของจำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำมาโอนขายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้รับโอนที่ดินพิพาทมาจากจำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจัดการเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองได้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246,247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินตามใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 1423ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เนื้อที่35 ไร่ 2 งาน 91 ตารางวา เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน 2532โจทก์ได้ไปติดต่อขอแบ่งแยกที่ดินแปลงดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอำเภอเวียงป่าเป้า แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่อาจดำเนินการให้ได้เพราะที่ดินของโจทก์ติดภาระจำนองอยู่กับจำเลย ซึ่งตามระเบียบของกรมที่ดินโจทก์จะต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อน โจทก์ไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน และไม่รู้ว่าจำเลยอยู่ที่ใด จึงไม่สามารถติดต่อกับจำเลยได้ โจทก์สืบทราบว่าที่ดินแปลงนี้เดิมนางแสงตาล ไพจิตร เป็นผู้มีชื่อถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของ ต่อมานางแสงตาลได้จดทะเบียนจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่ออำพรางนิติกรรมซื้อขายที่ดินกับจำเลยนิติกรรมจำนองจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118และนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างนางแสงตาลกับจำเลยเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 31 สัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 อีกด้วย ขอให้บังคับจำเลยไปจัดการเพิกถอนรายการจดทะเบียนจำนองลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2527 ออกจากใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.) เลขที่ 1423 ตามฟ้องภายใน 7 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองดังกล่าวได้หรือไม่ ในข้อนี้โจทก์อ้างว่าได้ซื้อที่ดินตามฟ้องมาจากจำเลยโดยนายสุรินทร์ เอวะบุญ ตัวแทนของจำเลยนำมาขายให้โจทก์ในราคา 200,000 บาท แต่ตามทางนำสืบของโจทก์กลับได้ความว่าจำเลยมีสิทธิเพียงเป็นผู้จะซื้อ และผู้รับจำนองตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายและหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันตามเอกสารหมายจ.4 และจ.5 เท่านั้นสิทธิครอบครองความเป็นเจ้าของในที่ดินตามฟ้องยังมิได้ตกมาเป็นของจำเลยแต่อย่างใดจำเลยหรือตัวแทนของจำเลยดังกล่าวย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำมาโอนขายให้แก่โจทก์ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินพิพาทมาจากจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจัดการเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองได้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)ประกอบมาตรา 246, 247 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน

Share