แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำ สัญญาจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยจำเลยจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จแล้วโอนขายให้โจทก์จำเลยให้การว่าได้ปลูกสร้างอาคารเสร็จแล้วแต่โจทก์ไม่พร้อมที่จะรับโอนประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเสร็จแล้วหรือไม่การที่จำเลยนำสืบว่าเมื่อมีการฉาบปูนเดินท่อประปาเดินสายไฟทาสีติดบานประตูหน้าต่างแล้วถือว่าจำเลยก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จตามข้อตกลงในสัญญาเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำให้การจึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดินพร้อม สิ่งปลูกสร้าง แก่ โจทก์ พร้อม รับ เงิน ค่าซื้อ ส่วน ที่ เหลือ จำนวน620,000 บาท จาก โจทก์ หาก ไม่สามารถ โอน ได้ ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหายเป็น เงิน 550,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปีนับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป และ คืนเงิน มัดจำ จำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี นับแต่ วัน ทำ สัญญา เป็นต้น ไป จนกว่าจะ ชำระ เงิน เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ได้ ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้างและ รับ เงินมัดจำ ไว้ จาก โจทก์ เมื่อ จำเลย ปลูกสร้าง อาคาร แล้ว เสร็จโจทก์ ไม่ พร้อม ที่ จะ รับโอน โจทก์ ได้ ขอผัด ผ่อน หลาย ครั้ง จน กระทั่งวันที่ 23 มกราคม 2533 จำเลย มี หนังสือ แจ้ง โจทก์ ให้ นำ เงิน ค่าซื้อส่วน ที่ เหลือ ไป ชำระ และ รับโอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง ภายใน กำหนด15 วัน นับแต่ วัน รับ หนังสือ ดังกล่าว มิฉะนั้น ถือว่า โจทก์ ผิดสัญญาโจทก์ ได้รับ หนังสือ แล้วแต่ เพิกเฉย ครั้น วันที่ 2 พฤษภาคม 2533จำเลย จำต้อง โอน ที่ดิน พร้อม สิ่งปลูกสร้าง พิพาท ให้ แก่ บุคคลอื่น ไปเนื่องจาก นาย วิเชียรกับนายจำรัส เร่งรัด โดย จะ ฟ้อง จำเลย ประกอบ กับ ธนาคาร ซึ่ง จำเลย กู้ยืม เงิน มา ก่อสร้าง อาคาร ดังกล่าว เร่งรัดหนี้ จาก จำเลย โจทก์ เป็น ฝ่าย ผิดสัญญา ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี จาก ต้นเงิน 120,000 บาท นับแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2533 และ จาก ต้นเงิน 30,000 บาท นับแต่ วันที่18 เมษายน 2531 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เงิน เสร็จสิ้น แก่ โจทก์
โจทก์ และ จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ จำเลย ชำระ เงิน ให้ โจทก์100,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี จาก เงิน 30,000บาท และ ดอกเบี้ย ใน อัตรา เดียว กัน จาก เงิน 70,000 บาท นับแต่ วันฟ้องเป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ส่วน ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ตาม คำให้การ ของจำเลย ระบุ ไว้ โดย แจ้งชัด ว่า จำเลย ได้ ก่อสร้าง อาคาร พิพาท เสร็จ ส่วนรายละเอียด ว่า ก่อสร้าง เสร็จ อย่างไร นั้น เป็น เพียง รายละเอียด ที่จะ ต้อง นำสืบ ใน ชั้นพิจารณา จึง ไม่เป็น การ นำสืบ นอกประเด็น คำให้การดัง ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 วินิจฉัย นั้น เห็นว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลยได้ ทำ สัญญาจะขาย ที่ดิน พร้อม ที่ ปลูกสร้าง โดย จำเลย จะ ต้อง ก่อสร้างให้ แล้ว เสร็จ แล้ว โอน ขาย ให้ โจทก์ จำเลย ให้การ ต่อสู้ ว่า ได้ ปลูกสร้างอาคาร เสร็จ แล้วแต่ โจทก์ ไม่ พร้อม ที่ จะ รับโอน ประเด็น ข้อพิพาท จึงมี อยู่ ว่า จำเลย ได้ ปลูกสร้าง อาคาร เสร็จ แล้ว หรือไม่ การ ที่ จำเลยนำสืบ ว่า เมื่อ มี การ ฉาบปูน เดิน ท่อประปา เดิน สาย ไฟ ทาสี ติด บาน ประตูหน้าต่าง แล้ว ถือได้ว่า จำเลย ก่อสร้าง อาคาร พิพาท แล้ว เสร็จ ตามข้อตกลง ใน สัญญา นั้น จึง เป็น เรื่อง ที่ นอกเหนือ ไป จาก คำให้การ ของจำเลย ที่ อ้างว่า มี ข้อตกลง เกี่ยวกับ การก่อสร้างอาคาร ให้ แล้ว เสร็จซึ่ง จำเลย มิได้ ให้การ ต่อสู้ ไว้ ใน คำให้การ ดังนั้น จึง เป็น การนำสืบ นอกเหนือ ไป จาก คำให้การ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 วินิจฉัย ว่าการ นำสืบ ของ จำเลย ใน ข้อ นี้ เป็น การ นำสืบ นอกประเด็น คำให้การ จึง ชอบแล้วฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 280,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อ ปี จาก ต้น 250,000 บาท นับแต่ วันที่7 สิงหาคม 2533 เป็นต้น ไป และ จาก ต้นเงิน 30,000 บาท นับแต่ วันที่18 เมษายน 2531 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ นอกจาก ที่ แก้คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3