แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์นำสืบว่า คนร้ายเข้าปล้นและยิงเจ้าทรัพย์ตาย พยานโจทก์ที่วิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย 6 คน จำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามาพยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไป พยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยนั่งอยู่ชายป่า เมื่อเกิดเสียงปืนดังแล้วคนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยนั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยแล้ววิ่งเข้าป่าไป เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยสนับสนุนในการที่คนร้ายฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยรู้ว่าคนร้ายอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดาแต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้เล็งเห็นว่าคนร้ายอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 86 ภายในขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา 87 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายเจ๊ะเย๊ะ และใช้ปืนยิงนายเจ๊ะเย๊ะตายโดยเจตนาฆ่า เพื่อสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 288, 289, 83
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพนอกนั้นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณา โจทก์นำสืบว่า นายเจ๊ะเย๊ะตั้งร้านขายน้ำชากาแฟจำเลยที่ 2, 3, 4, และ 5 เข้ามาขอซื้อบุหรี่ แล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 ช่วยกันจับแขนนายเจ๊ะเย๊ะไว้ จำเลยที่ 3 ยิงนายเจ๊ะเย๊ะ นายเจ๊ะเย๊ะตายทันที คนร้ายค้นเก็บทรัพย์ไป ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 6 นั้นซุ่มอยู่ชายป่า คอยรับปืนที่อีก 4 คนปล้นแล้วนำมาส่งให้ แล้วพากันวิ่งหนี
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้ง 6 กระทำผิดดังฟ้อง แต่จำเลยที่ 1 และที่ 6เป็นเพียงผู้สนับสนุน พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 289 ประกอบด้วยมาตรา 86 ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 86 ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยที่ 1 และที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยทั้งสองนี้ โจทก์มีพยานซึ่งวิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นนายดอเล๊าะและนายดาโอ๊ะจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย 6 คน นายดาโอ๊ะจำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามา พยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไปกับพยานอีกคนหนึ่งนำโคไปเลี้ยงใกล้ ๆ ป่าห่างบ้านเกิดเหตุ 2 เส้น เห็นนายดอเล๊าะและนายดาโอ๊ะจำเลยนั่งอยู่ห่างที่จูงโคผ่านไป 10 วา เมื่อเกิดเหตุเสียงปืนดังแล้ว คนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยทั้งสองนี้นั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยนี้แล้ววิ่งเข้าป่าไป โจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองนี้กระทำผิดด้วย
แต่ที่ศาลล่างลงโทษจำเลยทั้งสองมาตามมาตรา 289, 86 นั้นศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองนี้สนับสนุนในการที่จำเลยอื่นฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองรู้ว่าจำเลยอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดา แต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยทั้งสองได้เล็งเห็นว่าจำเลยอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 86 ภายในขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา 87 เท่านั้น
พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 6 ว่ามีความผิดตามมาตรา 340 วรรคท้ายและมาตรา 83 ส่วนกำหนดโทษและการลดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์