คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ซึ่งหมายความว่า เหตุเกิดหลัง 24 น. ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2507 ไปแล้ว จนถึง 6.00 น.ของวันที่ 13 ฯ
ทางพิจารณา พยานโจทก์เบิกความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันแรม 15 ค่ำเดือน 3 แต่เดือน 3 เป็นเดือนขาด มีเพียงแรม 14 ค่ำ ฉะนั้น ที่พยานโจทก์เบิกความเช่นนี้ จึงหมายความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงนั่นเอง
วันเกิดเหตุเป็นสาระสำคัญแห่งคดี เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องดังกล่าวแล้ว ก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 (อ้างฎีกาที่ 967/2501)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยบังอาจมีมีดปลายแหลมเป็นอาวุธ ทำการขู่เข็ญใช้กำลังกายฉุดคร่าห์พาเอานางสาวแบนไปเพื่อการอนาจาร แล้วข่มขืนกระทำชำเรานางสาวแบน ๑ ครั้ง จนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๘, ๒๘๔, ๓๑๐
จำเลยยื่นคำให้การและยื่นคำร้องขอแก้คำให้การใหม่ ปฏิเสธฟ้องของโจทก์ คงรับแต่เพียงว่า ในวันเกิดเหตุนางสาวแบนได้ตามจำเลยมายังบ้านเรือนของจำเลย จำเลยจึงได้จัดการสู่ขอตามประเพณี ในวันรุ่งขึ้น ผู้เสียหายเรียกเอาเงินสินสอด ๒,๐๐๐ บาท จำเลยไม่มีให้ จึงถูกกล่าวหาคดีขึ้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสั่งให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงอื่นต่อไปตามรูปคดี
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานโจทก์เบิกความว่า ผู้เสียหายถูกฉุดคร่าห์วันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๓ เวลาจวนสว่าง แต่เดือน ๓ มีสิ้นเดือนเพียงวันแรม ๑๔ ค่ำ ที่พยานเบิกความเป็นแรม ๑๕ ค่ำ จึงตรงกับขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๔ และตรงกับวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ แต่โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนก่อนเที่ยงวัน ก็คือ เกิดเหตุในเวลากลางคืนตอนหลัง ๒๔ น. ของวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ ไปจนถึงประมาณ ๖.๐๐ น. ของวันที่ ๑๓ กุมภพันธ์ ๒๕๐๗ แต่พยานโจทก์ ๓ ปากเบิกความที่ได้เห็นขณะเกิดเหตุ เบิกความฟังได้ว่า เหตุเกิดเมื่อจวนสว่างของแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๓ หมายถึงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เป็นคนละวันกับที่ระบุไว้ในฟ้อง เป็นสาระสำคัญ เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ ให้ยกฟ้อง นัยฎีกาที่ ๙๖๗/๒๕๐๑ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share