คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางน้ำหรือสายน้ำอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน นั้นทุกคนย่อมมีสิทธิใช้ได้ร่วมกันแต่ผู้หนึ่งผู้ใดก็หามีสิทธิที่จะทำทำนบปิดกั้นทางน้ำนั้นเสียไม่ ถ้าไปปิดกั้นเข้าทำให้ผู้ใช้คนอื่นเสียหายก็ย่อมถือว่าเป็นการละเมิด ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายนั้น.
จำเลยทำทำนบปิดกั้นสายน้ำในห้วยสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ชักน้ำมาใช้ในเหมืองของจำเลย เป็นเหตุให้น้ำในห้วยนั้นซึ่งไหลตามธรรมชาติไปสู่เหมืองโจทก์ลดน้อยลง ทำให้โจทก์เสียหาย ทำเหมืองไม่ได้ตามปรกตินั้น จำเลยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นให้โจทก์ และแม้โจทก์จะไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานโลหกิจให้ใช้สายน้ำนี้ในการทำเหมืองแร่อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.เหมืองแร่ ก็เป็นเรื่องระหว่างโจกท์กับรัฐบาล หาเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยผู้ละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำทำนบที่ต้นน้ำในลำห้วยที่ ๔ ปิดทางน้ำมิให้ไหลลงมาสู่เหมืองแร่ของโจทก์ซึ่งไหลอยู่ตามธรรมชาติ และขุดรางเปิดช่องให้น้ำไหลแยกออกจากลำห้วยไปตามรางที่จำเลยขุด เพื่อนำไปใช้ทำเหมืองจำเลย ฯลฯ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ฯลฯ จึงขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย และบังคับให้จำเลยรื้อถอนทำนบที่ปิดกั้นทางน้ำของโจทก์เสียให้สิ้นเชิง กับปิดช่องน้ำที่จำเลยขุดให้เรียบร้อย.
จำเลยต่อสู้ว่า ลำห้วยพิพาทมิใช่ของโจทก์แต่เป็นของรัฐบาล และอ้างว่าโจทก์ไม่เสียหาย ไม่มีสิทธิฟ้องร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนทำนบในห้วยที่ ๔ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ทางพิจารณาฟังได้ว่า ทางน้ำรายนี้เป็นทางน้ำสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งไหลอยู่ตามธรรมชาติ และปรากฎตามแผนที่ว่าสายน้ำไหลไปทางเหมืองโจทก์ กับได้ความว่าโจทก์ได้อาศัยใช้น้ำในห้วยนี้ทำเหมืองมาหลายปีแล้ว แม้โจทก์มิได้รับอนุญาตจากพนักงานโลหกิจใช้สายน้ำนี้สำหรับทำเหมืองก็ดี แต่โจทก์ก็กำลังยื่นเรื่องราวขออนุญาตอยู่ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ดุจกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่ทางน้ำหรือสายน้ำอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินเช่นนี้ ทุกคนย่อมมีสิทธิใช้ได้ร่วมกัน แต่จำเลยก็หามีสิทธที่จะทำทำนบปิดกั้นทางน้ำนั้นเสียไม่ เมื่อการปิดกั้นทำให้โจทก์เสียหาย ย่อมถือว่าเป็นการทำละเมิด ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ ข้อที่โจทก์ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานโลหกิจให้ใช้สายน้ำนี้ในการทำเหมือง อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เหมืองแร่นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับรัฐบาลส่วนหนึ่ง หาเป็นการตัดสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยผู้ละเมิดไม่ และคดีนี้ได้ความชัดว่า จำเลยได้ทำทำนบปิดกั้นสายน้ำในห้วย ๔ ชักน้ำมาใช้ในเหมืองจำเลย เป็นเหตุให้น้ำในห้วยดังกล่าวซึ่งไหลตามธรรมชาติไปสู่เหมืองโจทก์ลดน้อยลงทำให้โจทก์เสียหาย ทำเหมืองไม่ได้ตามปกติ จำเลยจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ส่วนค่าเสียหาย พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้แก่โจทก์วันละ ๑๗ บาท นับแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ตลอดไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนทำนบดังกล่าวเสร็จสิ้น นอกนั้นคงพิพากษายืน.

Share