แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตั้งแต่โจทก์เริ่มฟ้องคดีจนถึงขั้นออกคำบังคับคดี โจทก์ได้ใช้วิธีขอให้ศาลประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ให้จำเลยแก้คดี กำหนดวันสืบพยานและประกาศให้จำเลยทราบคำบังคับตลอดมา เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ได้ขอให้บังคับคดียึดสวนยางของจำเลยอันอยู่ในหมู่เดียวกับภูมิลำเนาที่จำเลยอยู่ตามฟ้องโจทก์ จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่ได้ไปจากบ้านตามภูมิลำเนาที่ปรากฏอยู่ตามฟ้อง คงอยู่ที่ภูมิลำเนาของจำเลยตลอดมาจำเลยยังไม่ทราบคำบังคับของศาล เมื่อจำเลยถูกยึดทรัพย์ จำเลยไม่ทราบว่าถูกยึดและถูกฟ้องด้วยเรื่องอะไร บ้านจำเลยอยู่ไกลตัวเมืองห่างความเจริญ ไม่มีหนังสือพิมพ์จะอ่านหากตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนดังกล่าว ประกอบกับข้อที่จำเลยกล่าวอ้างเป็นความจริงย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้ เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยได้ไปยื่นคำขอตรวจและคัดสำนวนต่อศาลที่ได้ออกคำบังคับ ทราบแน่ว่าจำเลยถูกฟ้องด้วยเรื่องอะไร และศาลได้มีคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว ซึ่งต่อจากนั้นอีก 7 วันจำเลยได้ไปยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ จึงยื่นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
ย่อยาว
คดีนี้ จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดตรัง แต่โจทก์ขอฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นคือ ศาลจังหวัดปากพนัง และได้ขอให้ประกาศเรียกจำเลยแก้คดีและกำหนดวันนัดสืบพยานทางหนังสือพิมพ์ โดยอ้างว่าจำเลยอพยพไปจากภูมิลำเนา ไม่ทราบว่าไปอยู่แห่งใด
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
โจทก์ขอให้ศาลประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยทราบคำบังคับเมื่อพ้นกำหนดตามประกาศ โจทก์ได้ขอให้บังคับคดียึดสวนยางของจำเลยในจังหวัดตรังอันอยู่ในหมู่เดียวกับภูมิลำเนาที่จำเลยอยู่ตามฟ้องโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2507 ต่อมาวันที่ 24 เมษายน 2507 จำเลยยื่นคำขอให้ศาลจังหวัดปากพนังพิจารณาคดีใหม่อ้างว่าจำเลยไม่ทราบคำฟ้องและคำบังคับที่ศาลได้ประกาศหนังสือพิมพ์ เพราะไม่มีหนังสือพิมพ์จะอ่าน จำเลยไม่ได้ไปไหน คงอยู่ที่บ้านอันเป็นภูมิลำเนาตลอดมา จำเลยยื่นคำร้องขอล่าช้าเพราะเพิ่งทราบเมื่อถูกยึดทรัพย์ แต่ไม่ทราบว่าถูกฟ้องด้วยเรื่องอะไร ต้องให้ทนายไปดูสำนวนที่ศาลก่อนจึงได้ยื่น จำเลยไม่รู้จักโจทก์ ไม่เคยกู้เงินโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลย โดยอ้างว่ายื่นเกินกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งคำร้องไม่ปรากฏพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า กรณีมีทางให้คิดไปได้ว่าจำเลยไม่ทราบคำฟ้องและคำบังคับ คดีไม่ได้เริ่มต้นด้วยการส่งหมายธรรมดาก่อน การส่งคำบังคับก็ใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์ จำเลยยืนยันว่ามิได้ไปไหน คงอยู่ที่ภูมิลำเนาตลอดมา กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนดวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 และคำร้องของจำเลยก็ยื่นยังไม่พ้น 6 เดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ ทั้งคำร้องของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินของศาลแล้วให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลย แล้วมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสำนวนคดีนี้ปรากฏมาตั้งแต่โจทก์เริ่มฟ้องคดีนี้จนถึงชั้นออกคำบังคับคดี ว่าโจทก์ได้ใช้วิธีขอให้ศาลประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ให้จำเลยแก้คดีกำหนดวันสืบพยาน และประกาศให้จำเลยทราบคำบังคับตลอดมา จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ประกาศให้ทราบทางหนังสือพิมพ์นั้น โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยไว้ ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำขอตรวจและคัดสำนวนเอกสารในคดีนี้ หลังจากนั้นอีก 7 วัน จำเลยจึงมายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนดังกล่าวประกอบกับข้อที่จำเลยกล่าวอ้าง หากเป็นความจริง ย่อมถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลง เมื่อจำเลยได้ไปยื่นคำขอตรวจและคัดสำนวนต่อศาลที่ได้ออกคำบังคับ และทราบแน่ว่าจำเลยถูกฟ้องด้วยเรื่องอะไร และศาลได้มีคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว ซึ่งต่อจากนั้นอีก 7 วัน จำเลยได้ไปยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ก็เป็นการได้ยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือแล้ว ให้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์