คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในเวลาที่กู้ยืมเงิน กัน คู่กรณีหาได้ทำหลักฐานแห่ง การกู้ยืนเป็นหนังสือไว้ไม่ แต่ในเวลาต่อมา ถ้าได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญเกิดขึ้นแล้ว ผู้ให้กู้ยืมก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
(หลักฐานที่มีขึ้นในภายหลัง คือ หนังสือฉบับหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 มีข้อความแสดงว่าจำเลยที่ 1 จะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายในเดือน 12 โทรเลขของจำเลยที่ 1 ขอผัดผ่อน การชำระหนี้ 2 ฉบับ และถ้อยคำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยา ของจำเลยที่ 1 ซึ่งให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานอำเภอว่า จำเลยทั้งสองได้กู้เงินมาจากโจทก์เงิน)
เอกสารหนังสือฉบับหนึ่งลงลายมือชื่อจำเลยไว้เป็นสำคัญ มีข้อความแสดงว่า จำเลยจำชำระเงินให้แก่โจทก์ภายในเดือน 12 โจทก์ย่อมนำสืบประกอบได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้เกิดจากการกู้ยืน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน ในเดือนตุลาคม ๒๔๙๗ จำเลยทั้งสองได้กู้เงินไปจากโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท แก่การกู้ยืมมิได้ทำเป็นหนังสือ โจทก์ทวงถามจำเลยขอผัดเรื่อย ๆ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๐ นายไลจำเลยได้ ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ว่า ภายในเดือน ๑๒ ให้โจทก์มารับเงินหนึ่งหมื่นบาทจากนายไลจำเลยได้ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๐๑ นางสมุลจำเลยได้ยอมรับตามบันทึกของอำเภอว่าได้เป็นหนี้โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท ร่วมกับนายไลหรือไล้ซึ่งเป็นสามีจริง โจทก์ได้บอกให้จำเลยชำระเงิน พ้นกำหนดแล้วก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับ
จำเลยทั้งสองต่างให้การปฏิเสธเป็นคนละอย่าง
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยกู้ยืมเงิน โจทก์จริงตามฟ้อง พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงินกู้ ส่วนดอกเบี้ยนั้นให้ใช้โดยคิดตั้งแต่เมื่อโจทก์บอกกล่าวและจำเลยผิดนัดแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีนี้เวลาที่อ้างว่าได้มีการกู้ยืมกันนั้น คู่กรณีหาได้ทำหลักฐานแห่งกู้ยืมเป็นหนังสือกันไว้ไม่ ย่อมจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ แต่ในเวลาต่อมา ถ้าได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญเกิดขึ้นแล้วผู้ให้กู้ยืมก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีนั้นได้ ในเรื่องนี้ปรากฏเป็นเอกสารหนังสือ ขึ้นฉบับหนึ่ง ลงลายมือชื่อจำเลยที่ ๑ ไว้เป็นสำคัญ มีข้อความแสดงว่าจำเลยที่ ๑ จะชำระเงินให้แก่โจทก์ภายในเดือน ๑๒ โจทก์ย่อมนำสืบประกอบได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ที่เกิดจากกู้ยืม และมีโทรเลขผัดผ่อนการชำระหนี้ ๒ ฉบับ กับถ้อยคำของจำเลยที่ ๒ ซึ่งให้การไว้ต่อเจ้าพนักงานรับว่า จำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาทจริง ซึ่งศาลก็ไม่เชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ไ ปให้การเท็จอย่างที่จำเลยอ้าง
เห็นว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share