คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 4 กับยึดรถยนต์ซึ่งจำเลยทั้งสี่ใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง เมื่อจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่าจำเลยที่ 4 กระทำความผิดตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางที่ยึดจากจำเลยที่ 4 เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 จำเลยที่ 4 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้เถียงว่ามิได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ เพราะมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 เป็นการมิชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยและพิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของจึงเป็นการมิชอบเช่นกัน และโจทก์หามีสิทธิฎีกาต่อมาไม่ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกาของโจทก์และอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 โดยให้บังคับคดีลงโทษจำเลยที่ 4 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 102 ป.อ. มาตรา 83 ริบของกลางทั้งหมด เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมาย และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 356/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคสอง (เดิม)), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) ประกอบด้วย ป.อ. มาตรา 83 จำคุกคนละ 22 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 97 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ให้คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 16 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 มีกำหนดคนละ 11 ปี และบวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 356/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 22 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อโมโตโรลา หมายเลข 0 – 9858 – 5540 โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อโนเกีย หมายเลข 0 – 9888 – 4230 รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ หมายเลขทะเบียน เพชรบูรณ์ ต – 3907 และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน ผ – 5835 เพชรบูรณ์ ของกลาง
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน ผ – 5835 เพชรบูรณ์ ของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จำนวน 1,588 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจับจำเลยที่ 4 กับยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน ผ – 5835 เพชรบูรณ์ ซึ่งจำเลยทั้งสี่ใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง เมื่อจำเลยที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง และศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 4 กระทำความผิดตามฟ้อง จึงต้องฟังว่ารถยนต์ของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 4 เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 จำเลยที่ 4 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้เถียงว่า จำเลยที่ 4 มิได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 เป็นการมิชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยและพิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของจึงเป็นการมิชอบเช่นกัน และโจทก์หามีสิทธิฎีกาต่อมาไม่ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาโจทก์ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่รับฎีกาและอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 โดยให้บังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสี่ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share