คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2797/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ข้อหาร่วมกันกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 และข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเฉพาะข้อหามาตรา 161 แต่พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งสองมาตรา ลงโทษตามมาตรา 161ซึ่งเป็นบทหนักชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยข้อหามาตรา 162 จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดสำหรับข้อหานี้โจทก์ฎีกาโดยบรรยายเพียงว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดข้อหามาตรา162 จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เพียงว่า จำเลยที่3 ได้ร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดโดยมิได้บรรยายให้ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 กระทำอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำแผนกอาวุธปืน กองทะเบียน กรมตำรวจ มีหน้าที่ลงหลักฐานในสมุดทะเบียนอาวุธปืนและเขียนกรอกข้อความลงในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ได้ร่วมกันกรอกข้อความลงในสมุดทะเบียนอันเป็นหลักฐานเท็จ และปลอมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ส่วนจำเลยที่ 3 ได้ช่วยเหลือ ให้ความสะดวกและร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162, 83, 86, 268

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันปลอมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน โดยจำเลยที่ 3 เป็นผู้สนับสนุน พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162, 83 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 161 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานผู้สนับสนุน ลงโทษจำคุก 2 ปี ฯลฯ

จำเลยที่ 1 ที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัย และโจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัย จำเลยทั้งสามไม่มีความผิดข้อหานี้ และให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วย สำหรับข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์กล่าวหาจำเลยว่ากระทำผิดเป็นสามกรณีด้วยกัน กล่าวคือ ตามฟ้องข้อ ก. กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้บังอาจสมคบร่วมกันกรอกข้อความลงในสมุดทะเบียนคุมอาวุธปืนเป็นเท็จ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ฟ้องข้อ ข. กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันปลอมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยที่ 2 มีหน้าที่กรอกข้อความในเอกสารดังกล่าว เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 และฟ้องข้อ ค. กล่าวหาจำเลยที่ 3 ว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และใช้เอกสารปลอม คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องข้อ ก. หรือไม่ คงวินิจฉัยเฉพาะฟ้องข้อ ข. เท่านั้น และโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องข้อ ก.ด้วยศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ เมื่อไม่มีการวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องข้อ ก. อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แล้ว จำเลยทั้งสามก็ไม่อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ส่วนฟ้องข้อ ข. ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์ฎีกาสรุปได้ว่า พยานหลักฐานโจทก์ตามที่นำสืบมาฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้กรอกข้อความในเอกสารหมาย จ.4 คือสมุดทะเบียนคุมอาวุธปืนจริง และจำเลยที่ 2 เป็นผู้เขียนกรอกข้อความในเอกสารหมาย ป.จ.2 คือใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) จริง เห็นได้ว่าฎีกาโจทก์เป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

สำหรับฎีกาจำเลยที่ 3 ในปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 เคลือบคลุมหรือไม่นั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 ได้บังอาจสมคบร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกและร่วมรู้เห็นในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันกระทำผิด โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 3 กระทำการอย่างไร อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการปลอมเอกสารหรือทำเอกสารเท็จ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังขึ้นไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาจำเลยที่ 3 ในประเด็นอื่นต่อไป

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share