คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2793/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 5 บัญญัติว่าไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักรไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้อื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใดให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา เมื่อไม้ยางแดงถูกกำหนดให้เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 จึงต้องแปลว่าไม้ยางแดงเป็นไม้อื่นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2503 มาตรา 5(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ คดีฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีไม้ยางแดงหนึ่งท่อน ที่ยังไม่แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสองร่วมกันแปรรูปไม้ยางแดงหนึ่งท่อนปริมาตร 3.13 ลูกบาศก์เมตร และร่วมกันมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม้ยางแดงของกลางเป็นไม้หวงห้ามโดยพระราชกฤษฎีกาจึงเป็นไม้หวงห้ามประเภทไม้อื่น หาใช่เป็นไม้ประเภทไม้ยางไม่ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 4, 4, 6, 7, 47, 48, 49, 69, 70, 73, 74,74 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 16, 17พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2403 มาตรา 5, 12, 17, 18, 21ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ปรับจำเลยที่ 1 ฐานมีไม้หวงห้ามยังไม่แปรรูปโดยไม่รับอนุญาต 200 บาท ปรับจำเลยทั้งสองฐานแปรรูปไม้และมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาตคนละ 800 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 500 บาท ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 400 บาทบังคับค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์ว่า ไม้ยางแดงของกลางเป็นไม้ยางตามมาตรา 7แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2403 มาตรา 5 ซึ่งตามมาตรา 69(1) และมาตรา 73(1) บัญญัติว่าผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท แต่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษที่ลงแก่จำเลยทั้งสอง เป็นว่าจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 48, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2503 มาตรา 17 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ1,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี บังคับค่าปรับตามมาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ไม้ยางแดงที่โจทก์ฟ้องเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก.ในบัญชีที่ 2 อันดับ 141 ท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2505 แต่พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5บัญญัติว่า ไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักร ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใด เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้อื่นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เมื่อไม้ยางแดงที่โจทก์ฟ้องถูกกำหนดให้เป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก.โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 ไม้ยางแดงจึงเป็นไม้อื่นตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7, 47, 48, 73 วรรค 1 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5, 17 ประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช2484 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. 2505 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 1มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 7, 69 วรรค 1 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 5, 12พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2505 มาตรา 4 อีกกระทงหนึ่งส่วนกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยทั้งสองนั้น ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางริบ

Share