คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำหนังสือไว้ต่ออำเภอว่า ยินดียกที่ดินมือเปล่าให้แก่ทางราชการ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลูกสร้างสถานที่ราชการต่าง ๆ โดยไม่คิดมูลค่านั้น เป็นการจะยกที่ดินให้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สร้างสถานที่ราชการเท่านั้น เมื่อทางราชการไม่ใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของผู้ยกให้และไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอะไรในที่ดิน ก็ยังถือไม่ได้ว่าที่ดินตกเป็นของทางราชการแล้ว
การนับเวลาฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1375 ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครอง ที่พิพาทโจทก์มีสิทธิ์ครอบครอง การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) คลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ทราบ ไม่ได้มาระวังแนวเขต จำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใดจำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร ดังนี้ ฟังไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครอง กำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 468/2508)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาร้อยตรีต่วนซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว ที่ดินมือเปล่าอยู่ที่หมู่ที่ ๔ ตำบลจักราช ฯ เนื้อที่ ๗ ไร่ ๒ งาน จำนวน ๑ แปลง เป็นสินสมรสของโจทก์กับร้อยตรีต่วน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ จำเลยกับพวกได้ขอและออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน (น.ส.๓) ของจำเลยแปลงซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของโจทก์ทับที่ดินของโจทก์เข้ามาเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ ๒ งาน โจทก์และทายาทของร้อยตรีต่วนเพิ่งทราบเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๖ และเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๑๕ จำเลยกับพวกได้เข้าไปตัดไม้ ถางป่า ขุดหลุมฝังหลักกั้นเขตทางด้านทิศตะวันออก เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอน น.ส.๓ เฉพาะส่วนที่ทับที่พิพาทของโจทก์ และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่าที่ดินตามฟ้อง ร้อยตรีต่วนได้ทำหนังสือจดทะเบียนยกให้แก่ทางอำเภอจักราชแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยมีที่ดินแปลงหนึ่งติดต่อกับที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ประมาณ ๑๓ ไร่ จำเลยได้ยกให้แก่ทางอำเภอจักราชครึ่งหนึ่ง ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๓ จำเลยได้นำเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์รวมทั้งส่วนที่ยกให้แก่ทางอำเภอเป็นแปลงเดียว แต่ก่อนออก น.ส.๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ นั้น นายอำเภอจักราชเห็นว่าที่ดินที่จำเลยยกให้อำเภอมีเนื้อที่ไม่พอที่จะสร้างที่ทำการไปรษณีย์อำเภอ จึงได้ขอที่ดินเพิ่มเติม ๒ ไร่ ๒ งาน โดยทางอำเภอยกที่ดินของร้อยตรีต่วนเนื้อที่เท่ากันให้แก่จำเลยเป็นการชดเชยแล้วทางเจ้าหน้าที่จึงรังวัดออก น.ส.๓ ให้แก่จำเลย จำเลยได้ปักหลักเสาไม้แก่นตามแนวเขตแดน และได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาจนบัดนี้ ไม่มีใครโต้แย้งสิทธิ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ร้อยตรีต่วนได้ยกที่ดินให้แก่อำเภอจักราชแล้ว โจทก์ไม่เป็นเจ้าของที่พิพาท พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ฟ้องเอาคืนภายใน ๑ ปี นับแต่เวลาถูกแย่ง พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๙๑ มีข้อความว่า ที่ดินนี้นายร้อยตรีต่วน อาจงานหลวง เจ้าของยินดีจะยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่ปลูกสร้างที่ว่าการอำเภอและสถานที่ราชการต่าง ๆ โดยไม่คิดมูลค่าแต่ประการใด ทั้งคณะกรรมการได้ชี้แจงให้ทราบถึงประโยชน์ในการปลูกสร้างอำเภอให้นายร้อยตรีต่วน อาจงานหลวง เป็นที่เข้าใจดีแล้ว นายร้อยตรีต่วนจึงมีเจตนาและความจำนงยกที่แปลงนี้ให้ด้วยสมัครใจจากข้อความดังกล่าว แสดงว่า การที่เจ้าของที่ดินทำหนังสือจะยกที่ดินให้วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้สร้างสถานที่ราชการเท่านั้น เมื่อทางราชการไม่ใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของร้อยตรีต่วนผู้ยกให้ และไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอะไร ที่ดินก็ยังถือไม่ได้ว่าตกเป็นของทางราชการแล้ว โจทก์คงถือสิทธิ์ครอบครองมิได้ทอดทิ้ง ที่พิพาทจึงยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องทำอะไรในที่พิพาท แม้ต่อมาจะปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) ซึ่งคลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยแล้วก็ตาม ร้อยตรีต่วนและโจทก์ก็ไม่ทราบไม่ได้มาระวังแนวเขต จำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใด จำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร การนับเวลาการฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ นั้น จะต้องฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มต้นนับเวลาถึงการแย่งการครอบครองในการฟ้องร้องตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ไม่มีพฤติการณ์ใดแสดงออกให้เห็นว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองของโจทก์ จึงฟังไม่ได้ว่าการที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยนั้นเป็นการแย่งการครอบครอง กำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๘/๒๕๐๘ เพิ่งจะปรากฏว่าจำเลยจ้างนายสำอางค์ แน่นกระโทก พยานโจทก์กับพวกไปถางป่า ขุดหลุมฝังหลักเขตเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๕ เป็นการโต้แย้งสิทธิ์โจทก์ ถือว่าเพิ่งเริ่มแย่งการครอบครอง โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๖ ภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาที่จำเลยโต้แย้งสิทธิ์ คดีโจทก์จึงไม่ล่วงเลยเวลาการฟ้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์.

Share