แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามสัญญาจำนองที่ดินทั้งสองฉบับ เป็นการจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของโจทก์และหรือ ถ. ต่างระบุว่าจำนองเป็นประกันหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาจำนองหรือในเวลาใดเวลาหนึ่งในภายหน้าทุกลักษณะหนี้ นอกจากนั้นข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองทั้งสองฉบับนี้ ซึ่งสัญญาจำนองให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนองต่างระบุไว้เช่นเดียวกันว่า “เนื่องจากทรัพย์จำนองเป็นประกันหนี้ในขณะทำสัญญาจำนองและหนี้ต่อไปในภายหน้าด้วย ผู้จำนองและผู้รับจำนองจึงตกลงกันว่าตราบใดที่ผู้จำนองยังมิได้ทำการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามผู้จำนองและผู้รับจำนองยังคงตกลงให้ถือว่าสัญญาจำนองคงมีผลบังคับอยู่เพื่อประกันหนี้ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าของลูกหนี้ดังกล่าวกับผู้รับจำนอง” ส่วนบันทึกข้อตกลงขึ้นเงินจำนองที่ดินก็ระบุว่า เงื่อนไขและข้อตกลงอื่น ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาจำนองฉบับเดิมทุกประการดังนี้ เมื่อหนี้เบิกเงินบัญชีของ ถ. กับหนี้บัตรเครดิตของ ถ. กับโจทก์เป็นหนี้ที่มีขึ้นภายหลังจากการจำนองในขณะที่ยังมิได้ทำการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง การจำนองย่อมเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้บัตรเครดิตดังกล่าวด้วยตามข้อตกลงในสัญญาจำนอง การที่สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและคำขอใช้บัตรเครดิตมิได้ระบุให้เอาที่ดินตามสัญญาจำนองเป็นประกันหาเป็นเหตุให้โจทก์ไม่ต้องรับผิดตามข้อตกลงในสัญญาจำนองไม่ แม้โจทก์จะได้ชำระหนี้ที่โจทก์และ ถ. กู้ยืมไปครบถ้วนแล้ว ก็ยังไม่ทำให้โจทก์หลุดพ้นจากหนี้จำนอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและส่งมอบโฉนดที่ดินกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่จำนอง รวมทั้งไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดเลขที่ 44336ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 2224 ถึง 2227 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวน 59,115 บาท แก่โจทก์ และค่าเสียหายวันละ 577.50 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบและไถ่ถอนจำนองที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 44336 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2224 ถึง 2227 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งหมด (และ น.ส.3 ก.)คืนให้โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2535 โจทก์ได้กู้ยืมเงินจากจำเลยจำนวน 200,000 บาท โดยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 44336 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์มาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ดังกล่าวในวงเงิน 200,000 บาท ตามสัญญากู้เงิน หนังสือสัญญาจำนอง และข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนอง วันที่ 6 สิงหาคม 2536 นายถนอม คำขัติ สามีโจทก์ได้กู้ยืมเงินจากจำเลยจำนวน 400,000 บาท โดยนำที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2224 ถึง 2227 ตำบลดอนแก้วอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ของโจทก์ มาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ดังกล่าวในวงเงิน 280,000 บาท กับนำที่ดินโฉนดเลขที่ 44336 มาจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นประกันอีกเป็นเงิน 30,000 บาท ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2539 และวันที่ 9 เมษายน2540 โจทก์นำเงินจำนวน 34,719.50 บาท และจำนวน 105,486.14 บาท ตามลำดับชำระหนี้ที่โจทก์และนายถนอมกู้ยืมไปครบถ้วนแล้ว โดยขณะชำระหนี้ดังกล่าวจนปัจจุบันนายถนอมยังคงเป็นหนี้เบิกเงินเกินบัญชี และนายถนอมกับโจทก์ยังคงเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่กับจำเลย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิขอให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองส่งมอบโฉนดที่ดินกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ที่จำนอง และเรียกค่าเสียหายหรือไม่ เห็นว่า ตามข้อ 1 ของสัญญาจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 44336 ซึ่งเป็นการจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของโจทก์เองก็ดี และตามข้อ 4ของสัญญาจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2224 ถึง2227 ซึ่งเป็นการจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของโจทก์และหรือนายถนอมก็ดี ต่างระบุว่าจำนองเป็นประกันหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะทำสัญญาจำนองหรือในเวลาใดเวลาหนึ่งในภายหน้าทุกลักษณะหนี้ นอกจากนั้นตามข้อ 1 วรรคสองของข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองทั้งสองฉบับนี้ ซึ่งสัญญาจำนองให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจำนองต่างระบุไว้เช่นเดียวกันว่า “เนื่องจากทรัพย์จำนองเป็นประกันหนี้ในขณะทำสัญญาจำนองและหนี้ต่อไปในภายหน้าด้วย ผู้จำนองและผู้รับจำนองจึงตกลงกันว่าตราบใดที่ผู้จำนองยังมิได้ทำการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ผู้จำนองและผู้รับจำนองยังคงตกลงให้ถือว่าสัญญาจำนองคงมีผลบังคับอยู่เพื่อเป็นประกันหนี้ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าของลูกหนี้ดังกล่าวกับผู้รับจำนอง” ส่วนบันทึกข้อตกลงขึ้นเงินจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 44306 ก็ระบุไว้ในข้อ 1 ว่า เงื่อนไขและข้อตกลงอื่น ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาจำนองฉบับเดิมทุกประการ ดังนี้ เมื่อหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของนายถนอมกับหนี้บัตรเครดิตของนายถนอมกับโจทก์เป็นหนี้ที่มีขึ้นภายหลังการจำนองในขณะที่ยังมิได้ทำการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง การจำนองย่อมเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้บัตรเครดิตดังกล่าวด้วยตามข้อตกลงในสัญญาจำนอง การที่สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและคำขอใช้บัตรเครดิตมิได้ระบุให้เอาที่ดินตามสัญญาจำนองเป็นประกัน หาเป็นเหตุให้โจทก์ไม่ต้องรับผิดตามข้อตกลงในสัญญาจำนองดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ฉะนั้น แม้โจทก์จะได้ชำระหนี้ที่โจทก์และนายถนอมกู้ยืมไปครบถ้วนแล้ว ก็ยังไม่ทำให้โจทก์หลุดพ้นจากหนี้จำนอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและส่งมอบโฉนดที่ดินกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ที่จำนอง รวมทั้งไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ ฎีกาข้ออื่นของโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน