คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อบังคับของบริษัทระบุว่า ในการลงชื่อทำการแทนบริษัทต้องมีกรรมการ 2 คนลงชื่อ แต่บริษัทโจทก์ฟ้องโดยมีกรรมการคนเดียวลงชื่อแต่งทนาย เมื่อจำเลยตัดฟ้องว่ากรรมการผู้เดียวไม่มีอำนาจ กรรมการสองคนของบริษัทโจทก์ยื่นคำร้องขอให้สัตยาบันการกระทำของทนายโจทก์และเพียงแต่ขอให้ศาลทราบไว้เท่านั้น ไม่แต่งทนายเข้ามาใหม่ให้ถูกต้อง อำนาจดำเนินคดีของทนายโจทก์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยกรรมการผู้เดียวยังคงบกพร่องไม่สมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย จำเลยตัดฟ้องว่า นายสัญญาผู้เดียวไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยและไม่มีอำนาจแต่งทนายความฟ้องคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ตามข้อบังคับของบริษัทโจทก์กำหนดไว้ว่า กรรมการต้องลงชื่อร่วมกันสองคนและประทับตราจึงจะใช้ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายสัญญา สหเวชชภัณฑ์ กรรมการบริษัทโจทก์ผู้เดียวลงชื่อและประทับตราในใบแต่งทนายเป็นการไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท อำนาจของผู้ดำเนินคดีนี้จึงบกพร่อง เมื่อจำเลยให้การคัดค้าน บริษัทโจทก์โดยนายสัญญาและนางเว่งจิวยื่นคำร้องรับรองการที่นายสุวรรณทนายโจทก์ได้ดำเนินการมาแต่ต้น ทั้งจะกระทำต่อไป ผู้ร้องขอให้สัตยาบันขอให้ศาลได้ทราบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของโจทก์เพียงแต่ขอให้ศาลรับทราบไว้ไม่ขอให้สั่งอย่างใด ศาลจึงรับทราบไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องดังกล่าวไม่มีผลเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับอำนาจดำเนินคดีของทนายโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นแต่ประการใด บริษัทโจทก์ชอบที่จะทำใบแต่ทนายใหม่โดยมีผู้แทนของบริษัทโจทก์ลงชื่อประทับตราให้ครบถ้วนถูกต้องตามข้อบังคับ แต่โจทก์ก็มิได้ทำ อำนาจดำเนินคดีของทนายโจทก์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยนายสัญญา สหเวชชภัณฑ์ กรรมการบริษัทโจทก์แต่ผู้เดียว จึงยังคงบกพร่องไม่สมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share