คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2787/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำร้องของผู้ร้องได้อ้างเหตุโดยปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับแจ้งการยืนยันหนี้จากผู้คัดค้านมาก่อน ซึ่งในข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ร้องได้รับการแจ้งยืนยันหนี้จากผู้คัดค้านโดยชอบแล้วหรือไม่ ยังไม่เป็นที่ยุติ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนให้เสร็จสิ้นกระแสความเสียก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้คัดค้านขอให้ศาลออกคำบังคับให้ผู้ร้องปฏิบัติตามหนังสือยืนยันหนี้ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้ยกเลิกคำบังคับและจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีเป็นการยื่นคำร้องปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งจะต้องยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้าน มิใช่ยื่นต่อศาล จึงไม่รับคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องชอบหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องไม่เคยได้รับแจ้งการยืนยันหนี้จากผู้คัดค้าน ผู้ร้องได้ทราบความจริงเมื่อมีผู้นำหมายบังคับคดีมามอบให้ผู้ร้อง เนื่องจากผู้ร้องไม่เคยได้รับแจ้งการยืนยันหนี้จากผู้คัดค้าน ระยะเวลา ๑๔ วัน ที่จะต้องคัดค้านหนี้ต่อศาลจึงยังไม่เกิดขึ้นนั้น เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องได้อ้างเหตุโดยปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับแจ้งการยืนยันหนี้จากผู้คัดค้านมาก่อน ซึ่งในข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ร้องได้รับแจ้งการยืนยันหนี้จากผู้คัดค้านโดยชอบแล้วหรือไม่ยังไม่เป็นที่ยุติ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนให้เสร็จสิ้นกระแสความเสียก่อน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ร้องและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่.

Share