แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วตั้งแต่เข้าทำสัญญาประกันชีวิตว่าตน ป่วยเป็นโรคลมชัก แต่แถลงข้อความเป็นเท็จว่าตน มีสุขภาพดีซึ่งหากผู้รับประกันภัยทราบความจริงจะไม่รับประกันชีวิตไว้ เช่นนี้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยผู้รับประกันชีวิต ให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตก เป็นโมฆียะแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ตั้งแต่เมื่อใดและได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวภายใน 1 เดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างแล้ว การที่จำเลยนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการบอกล้างไปยังผู้รับประโยชน์เท่านั้นยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบถึงการบอกล้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 วรรค 2.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางสาวเสนาะ บุตรของโจทก์ทั้งสองได้ทำสัญญาประกันชีวิตจำนวนเงิน 100,000 บาท แบบสะสมปันผล และมีสัญญาพิเศษเพิ่มเติมประกันอุบัติเหตุและทุพพลภาพ ระบุไว้ว่า หากผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่กรรมโดยอุบัติเหตุ จำเลยจะจ่ายเงินจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่เอาประกัน ระหว่างที่สัญญายังมีผลบังคับอยู่ ผู้เอาประกันชีวิตได้ถึงแก่กรรมเพราะประสบอุบัติเหตุลื่นล้มตกลงไปในบ่อน้ำโจทก์ทั้งสองขอรับเงินแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า นางสาวเสนาะ ผู้เอาประกันชีวิตขอเอาประกันชีวิตโดยรู้ตัวดีว่าตนเจ็บป่วยด้วยโรคลมชักอยู่แล้ว แต่ปกปิดความจริงไม่แถลงให้จำเลยทราบและได้แถลงเป็นความเท็จว่ามีสุขภาพสมบูรณ์ดีซึ่งถ้าได้แถลงความจริงให้จำเลยทราบจำเลยจะไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตด้วย สัญญาประกันชีวิตดังกล่าวตกเป็นโมฆียะจำเลยได้บอกล้างสัญญาไปยังโจทก์ทั้งสองแล้ว สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ก่อนทำสัญญาประกันชีวิต ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วว่าตนป่วยเป็นโรคลมชัก แต่แถลงข้อความเป็นเท็จว่าตนมีสุขภาพดี… หากผู้เอาประกันชีวิตแถลงว่าเป็นโรคลมชัก จำเลยจะไม่รับประกันชีวิตไว้ ดังนี้… สัญญาประกันชีวิตดังกล่าวนั้นเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
มีปัญหาว่า จำเลยทราบว่าผู้เอาประกันชีวิตเป็นโรคลมชักอันเป็นมูลที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวได้เมื่อใด และได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวภายใน 1 เดือน ตามมาตรา 865 วรรคสอง แล้ว ดังที่จำเลยต่อสู้และฎีกาหรือไม่ เห็นว่าปัญหานี้จำเลยให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความตามที่จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้างตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 แต่ปรากฏว่านายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการรองผู้จัดการของจำเลย พยานจำเลยเบิกความเพียงว่า หลังจากที่รับประกันแล้ว ได้ทำการตรวจสอบประวัติผู้เอาประกันชีวิต ปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตเป็นโรคลมชัก หากผู้เอาประกันชีวิตแถลงว่าเป็นโรคดังกล่าวแล้ว จำเลยจะไม่รับประกันชีวิตไว้ แต่พยานปากนี้มิได้เบิกความให้แน่ชัดว่าจำเลยทราบว่า ผู้เอาประกันชีวิตเป็นโรคลมชักซึ่งถือว่าเป็นมูลอันจะบอกล้างได้ตั้งแต่เมื่อใด ทั้งทางนำสืบของจำเลยก็ไม่ปรากฏเช่นกัน คงได้ความเพียงว่า จำเลยได้มีหนังสือบอกล้างสัญญาประกันชีวิตดังกล่าวด้วยหนังสือฉบับลงวันที่ 14กันยายน 2525 ตามเอกสารหมาย ป.ล.4 เท่านั้น โจทก์จะได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวแล้วในวันใดให้เป็นที่ปรากฏ เช่นนี้ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบว่าจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกัน จำเลยก็ไม่ได้นำสืบชีวิตดังกล่าวภายใน 1 เดือน นับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างได้ตามมาตรา 685 วรรคสอง แล้ว ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตรายนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์…”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.