คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกไม่ใช่คดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดกไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายวิเชียรและนางเชื้อ บุนยตีรณะ นางเชื้อถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ใด นายวิเชียรเป็นผู้ปกครองดูแลทรัพย์มรดกของนางเชื้อแทนทายาทตลอดมาจนถึงแก่กรรม ผู้ร้องประสงค์ขอเป็นผู้จัดการมรดกของนางเชื้อ ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางเชื้อ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า เมื่อนางเชื้อถึงแก่กรรมนายวิเชียรได้ครอบครองทรัพย์มรดกของนางเชื้อแต่ผู้เดียวเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว ผู้ร้องมิได้ฟ้องเรียกร้องสิทธิของตนจึงหมดสิทธิในทรัพย์มรดก นายวิเชียรได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินดังกล่าวให้บุตรทั้งเก้าคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการมรดกของนางเชื้อ คำร้องของผู้ร้องขาดอายุความมรดกขอให้ยกคำร้องศาลชั้นต้นพิพากษาตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางเชื้อผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้คัดค้านฎีกาข้อ 4 และ 5 ตลอดจนคำขอท้ายฎีกาเป็นทำนองว่า ควรตั้งประเด็นเพิ่มว่า มรดกของนางเชื้อไม่มีอยู่แล้วไม่จำต้องตั้งผู้จัดการมรดก และคดีของผู้ร้องขาดอายุความ เพื่อให้โอกาสผู้คัดค้านนำสืบนั้น เห็นว่า คดีร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกไม่ใช่ฟ้องเรียกทรัพย์มรดก ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 และกรณีจะมีมรดกเหลืออยู่หรือไม่เป็นเรื่องนอกประเด็นจากคำร้องขอจัดการมรดกเพราะประเด็นแห่งคดีมีว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น ที่ดินตามโฉนดต่าง ๆ ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นของผู้ตาย ก็ได้รับการยืนยันจากผู้คัดค้านว่าเป็นของผู้ตายเพียงแต่อ้างว่าตกทอดไปยังบุคคลอื่นแล้วโดยการครอบครองปรปักษ์เท่านั้น แสดงว่าโฉนดต้องมีชื่อผู้ตายเป็นเจ้าของและยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน จึงเห็นเป็นเบื้องต้นแล้วว่ามีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ ไม่จำเป็นต้องตั้งประเด็นนี้ขึ้นส่วนที่ดินดังกล่าวจะเป็นมรดกหรือไม่ ผู้ใดอ้างว่าเป็นของใครก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share