แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุในลักษณะคดีจำเลยต้องหาในความผิดฐานเดียวกัน เมื่อศาลอุทธรณ์แลศาลฎีกาเห็นว่าหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทำผิดก็มีอำนาจตัดสินยกฟ้องในส่วนตัวจำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นได้ ลักษณะพะยาย ความผิดฐานแจ้งความเท็จ โจทก์ไม่อ้างเจ้าพนักงานผู้รับแจ้งความมาเปนพะยาน
ย่อยาว
คดีนนี้ศาลเดิมตัดสินว่า จำเลยมีผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๒๒๖ ให้จำคุกจำเลย ๒ กะทงคนละ ๓ เดือน เพิ่มโทษนายทาอีก ๑ ใน ๓ ให้จำคุก ๔ เดือน แนให้รอการลงอาญานางดำไว้ตาม ม.๔๑ ส่วนข้อหาว่ายักยอกให้ยกเสีย
นายทาจำเลยผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้ง ๒ ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน จึงตัดสินยกฟ้อง
โจทก์ แลให้ปล่อยนางดำจำเลยซึ่งมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาไปด้วย
โจทก์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีแต่ผู้ซื้อโคมาเบิกความว่า ก่อนที่จำเลยจะลงชื่อในตั๋วพิมพ์รูปพรรณขายโครายนี้ ได้ยินเจ้าพนักงานเรียกชื่อว่า นางหนูผู้ขาย นายดำ นายลีผู้ซื้อ แล้วจำเลยทั้ง ๒ ก็เข้าไปหาเจ้าพนักงานแลลงลายมือในตั๋วพิมพ์รูปพรรณ ซึงพะยานเข้าใจว่านางดำจำเลยคือนางหนู แลนายทาเปนสามีนางหนู่เท่านั้นส่วนจำเลยจะได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานว่าอย่างไรนั้น โจทก์มิได้นำเจ้าพนักงานมาสืบว่าจำเลยได้แสดงตนเปนนางหนูประการใด จึงยังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยทั้ง ๒ มีความผิด ตัดนินยืนตามศาลอุทธรณ์