คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2778/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค3ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3ให้ก. ฟังโดยระบุว่าเป็นทนายจำเลยโดยไม่ได้ทำการไต่สวนคำร้องของก. ที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะดังนั้นศาลอุทธรณ์ภาค3จะพิพากษาคดีไปโดยที่ยังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ทายาทของจำเลยผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยผู้มรณะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะหาได้ไม่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3จึงไม่ชอบยังถือไม่ได้ว่าก. ทายาทได้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยโดยชอบแต่ประการใดก. จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นฎีกาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินพิพาทพร้อมใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องและให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ที่พิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้นโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์ จำเลยในประเด็นว่าที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 993 โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว พิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 993 (1206) และรื้อถอนรั้ว โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อวันที่10 มีนาคม 2538 เวลา 9 นาฬิกา ในวันเดียวกันนั้นนายกมล แจวเจริญ ทายาทโดยธรรมของจำเลยได้แต่งให้นายนิสิต อนันต์รักษ์ เป็นทนายความยื่นคำร้องลงวันที่10 มีนาคม 2538 ว่า จำเลยได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน2537 ด้วยโรคหัวใจวายตามสำเนาใบมรณบัตรท้ายคำร้องศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่า “สำเนาให้โจทก์นัดไต่สวน จะคัดค้านประการใด ให้คัดค้านภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจคัดค้านให้จำเลย (ที่ถูกผู้ร้อง) นำส่งหมายภายใน7 วันปิดหมาย” ในวันที่ 10 มีนาคม 2538 นั่นเอง ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้นายกมล แจวเจริญ ฟังโดยระบุว่าเป็นทนายจำเลย โดยศาลชั้นต้นยังไม่ได้ทำการไต่สวนคำร้องของนายกมล แจวเจริญ ที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะกรณีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยถึงแก่กรรมในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษาคดีไปโดยที่ยังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ทายาทของจำเลยผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยผู้มรณะเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะหาได้ไม่ดังนั้นคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ชอบการที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้โจทก์ฟัง จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ กรณียังถือไม่ได้ว่านายกมล แจวเจริญทายาทได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยโดยชอบแต่ประการใดนายกมล แจวเจริญ จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นฎีกาได้ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และยกฎีกาของจำเลยคืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะแล้วส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่ต่อไป

Share