คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรรถเข็นและไม้แปรรูป โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงได้ว่า รถเข็นและไม้ของผู้เสียหายถูกลักไปอย่างไร ผู้เสียหายเบิกความว่าพบคนแต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร กลัวจะจับผู้เสียหายในข้อหามีไม้ผิดกฎหมาย จึงทิ้งรถเข็นและไม้ไว้ จำเลยนำสืบว่าทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ได้สั่งให้อาสาสมัครผู้ใต้บังคับบัญชานำไม้ผิดกฎหมายที่ตรวจพบไปเก็บรักษาไว้ ดังนี้การกระทำของจำเลยและอาสาสมัครเป็นการกระทำโดยสุจริตไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์รถเข็นและไม้ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยรับทรัพย์สินดังกล่าวไว้ จึงไม่ผิดฐานรับของโจร.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357,83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 และให้คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357, 83 จำคุกคนละ 2 ปี ให้ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 2 คำขออื่นให้ยก
โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันเวลาและสถานที่ที่โจทก์ฟ้อง นายณรงค์ กงเต้น ผู้เสียหายได้ใช้รถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นบรรทุกไม้ผิดกฎหมายจำนวน 11 แผ่นมาถึงที่เกิดเหตุพบอาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดแต่งกายคล้ายทหารตกใจทิ้งรถเข็นและไม้ไว้เพราะเกรงจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมฐานมีไม้ผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง อาสาสมัครที่พบผู้เสียหายดังกล่าวได้รายงานให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการทราบ จำเลยที่ 3 ได้นำรถเข็นและไม้ไปให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเก็บรักษาไว้ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่ารถเข็นและไม้ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไป แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแสดงได้ว่ารถเข็นและไม้ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไปอย่างไร ผู้เสียหายกลับเบิกความว่าพบคนแต่งเครื่องแบบคล้ายทหารกลัวจะจับผู้เสียหายข้อหามีไม้ผิดกฎหมายจึงทิ้งรถเข็นและไม้ไว้ที่ที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 3 นำสืบต่อไปโดยมีนายหมู่เอกพิน หวังอินทร์และร้อยเอกมนตรีนิ่มพิบูลย์ เบิกความสนับสนุนฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า สั่งให้อาสาสมัครผู้ใต้บังคับบัญชานำไม้ผิดกฎหมายที่ตรวจพบไปรักษาไว้ การกระทำของจำเลยที่ 3 กับอาสาสมัครผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำโดยสุจริตไม่ปรากฏว่าได้นำไม้ดังกล่าวไปเป็นประโยชน์แก่ตนแต่ประการใด จึงไม่เป็นการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ รถเข็นและไม้จึงไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ผู้รับทรัพย์สินดังกล่าวไว้จึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3ชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share