แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งชนะคดีได้นำยึดที่ดินมือเปล่าแปลงหนึ่งเพื่อนำออกขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อ้างว่าเป็นที่ดินของผู้ร้อง แต่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวสัญชาติจีน และการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทตามที่ผู้ร้องอ้างก็ไม่ปรากฏว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการ ซึ่งกำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 2 และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามความในมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินด้วย ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นคนต่างด้าวจะอ้างว่ามีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไม่ได้ เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ผู้ร้องก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยที่พิพาทในคดีนี้ได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน ส.ค. ๑  หนึ่งแปลง อ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่าเป็นของตน  ตนครอบครองมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๙
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาท  มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า  ผู้ร้องมีสิทธิครอบครอง  พิพากษากลับให้ถอนการยึด
โจทก์ฎีกาว่า   ที่พิพาทเป็นของจำเลย
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว  ข้อเท็จจริงรับกันตามทางนำสืบฟังได้ว่าที่พิพาทจำเลยครอบครองมาตั้งแต่ปี ๒๕๐๒  เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙  จำเลยได้ลงชื่อในสมุดทะเบียนที่ดินเพื่อเก็บภาษีบำรุงท้องที่ว่าได้โอนให้แก่ผู้ร้อง  ปรากฏตามเอกสาร ร.๒ แต่ใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๑๑  ยังระบุว่าจำเลยเป็นเจ้าของอยู่  ปัญหาว่าผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่พิพาทตามเอกสาร ร. ๒ หรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว  ข้อเท็จจริงรับฟังได้จากคำร้องขอของผู้ร้อง  ว่าผู้ร้องเป็นคนเชื้อชาติจีนสัญชาติจีนขณะที่ผู้ร้องมาเบิกความต่อศาลผู้ร้องก็ยังมีบัตรประจำตัวคนต่างด้าวอยู่ดังนั้นหากจะฟังว่าผู้ร้องได้รับโอนที่ดินพิพาทมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๙  ตามเอกสารหมาย ร. ๒  ผู้ร้องก็ไม่ได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเพราะการได้มาซึ่งที่ดินแม้จะเป็นเพียงสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของของคนต่างด้าวนั้นต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘๖ ด้วย  คดีนี้ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องได้ครองบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙  โดยไม่ปรากฏว่า  ผู้ร้องได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกำหนดไว้ในกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘  (พ.ศ. ๒๔๙๗)  ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗  ข้อ  ๒   และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามความในมาตรา ๘๖ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินด้วย   ดังนั้น  ผู้ร้องซึ่งเป็นคนต่างด้าวจะอ้างว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเจ้าของมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ไม่ได้  เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท  ผู้ร้องก็ไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้  ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับ  ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
